• 
  
  ติดต่อลงโฆษณา [email protected] หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่

ชื่อ:

การตรวจสอบ:

กำลังโหลด...

ข้อความ:

<p>[QUOTE=&quot;pattago, post: 1446150, member: 101055&quot;]ผมขอเล่าประวัติรถผมก่อนละกันครับ</p><p><br /></p><p>NV VAN เครื่องคาร์บู 1600 (เปลี่ยนเครื่องใหม่เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว) เกียร์ธรรมดา พวงมาลัยธรรมดา</p><p>ก่อนที่จะเอาไปทำตามรายการด้านล่างนี้ เครื่องอยู่ในสภาพที่ดีครับ ไม่เคยมีปัญหาใดๆ </p><p><br /></p><p>รายการดังต่อไปนี้ คือรายการที่น่าจะเกิดปัญหาครับ</p><p><br /></p><p>1. เมื่อเดือน ธันวาคม 52 ผมนำรถไปติดตั้งแก๊ส LPG ที่อู่แถวบ้าน (มีป้ายรับรองมาตรฐาน)</p><p>เสร็จแล้วก้อใช้งานได้ปกติดีครับ วิ่งดีซะด้วย</p><p><br /></p><p>2. หลังจากติดตั้งแก๊สเสร็จแล้ว ผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ ผมเปิดกรอง ออกมาเป่าทำความสะอาด เสร็จแล้วก้อประกอบเข้าไปที่เดิม พอขับออกจากบ้านมา มีอาการคันเร่งค้าง</p><p>คือ เมื่อเหยียบไปถึงประมาณ 2 พัน - 3 พันรอบ แล้วปล่อยคันเร่งเพื่อจะเปลี่ยนเกียร์ แต่เครื่องไปผ่อนตามลงมา คือมันค้างที่ 3 พันรอบ และเร่งขึ้นไปเรื่อยๆจนต้องดับเครื่องและ</p><p>สตาร์ทใหม่ ก้อเลยประคองขับไปที่ร้านเดิมที่ติดแก๊ส เขาก้อปรับจูนให้ ก้อไม่หาย ช่างบอกว่า &quot;ต้องล้างคาร์บูนะพี่ อาการแบบนี้ล้างคาร์บูก้อหาย&quot; ผมก้อบอกไปว่า งั้นก้อจัดการซะ</p><p>วันนั้นหมดไป 800 บาท&nbsp; เสร็จแล้วก้อยังพบอาการค้างอีกนิดหน่อย ช่างก้อปรับจูนอีกหลายครั้ง จนอาการหายไป&nbsp; แล้ว ก้อขับต่อไปได้ปกติดี ไม่มีปัญหาใดๆ</p><p><br /></p><p>3. ขับต่อไปได้ประมาณ เดือนกว่า ถึงช่วงกลางเดือนมกราคม 53 ได้ยินเสียงดังแปลกๆที่ห้องเครื่อง (ดังเหมือนเสียงโซ่มอร์เตอร์ไซด์ เวลาโซ่หย่อน หรือสเตอร์สึก) </p><p>ตอนแรกดังแล้ว มันก้อหายไปเอง แต่พอผ่านไปสักอาทิตย์ ก้อดังขึ้นเรื่อยๆ แล้วไม่หาย ก้อเลยกลับเข้าไปให้ร้านเดิมดูให้ เขาก้อบอกว่า &quot;โซ่ราวลิ้น หมดอายุแล้วพี่ เปลี่ยนโซ่ราวลิ้นเถอะ&quot; ผมก้อไม่ค่อยรู้เรื่องรถ</p><p>สักเท่าไหร่ ช่างว่าไงก้อว่าตาม วันนั้น ก้อทำไปหลายอย่างและตัดสินใจถ่ายน้ำมันเครื่องซะด้วยเลย ตามรายการดังนี้คับ</p><p><br /></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp; 1. โซ่ราวลิ้น&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp; = 1780</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp; 2. ซิลคอหน้า&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp; = 450</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp; 3. กาวแดง 2 หลอด&nbsp; &nbsp; = 400</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp; 4. ตัวตั้ง(ไม่รู้พิมพ์ถูกป่าว)&nbsp; &nbsp; = 1100</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp; 5. ยางดัน&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; = 980</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp; 6. ค่าแรง&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; = 700</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp; 7. กรองเครื่อง&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; = 220</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp; 8. น้ำมันเครื่อง&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; = 780</p><p>ก้อรวมทั้งหมด 6410 บาท</p><p><br /></p><p>4. หลังจากขับออกมาก้อพบว่า ความร้อนขึ้นผิดปกติ ขับไปเรื่อยๆ ยิ่งขึ้นจนถึงขีดแดง และก้อจอด มองดูใต้ท้องรถ เห็นน้ำเจิ่งนองเลยคับ ก้อเดาว่า หม้อน้ำรั่วแน่ๆเลย</p><p>ก้อเลยแวะหาร้านหม้อน้ำแถวๆเสรีไทย เขาก้อเช็คเจอว่า รั่วไป 2 จุด เป็นรอยรั่วเล็กๆ ก้อซ่อมไปเรียบร้อย ขับออกมาจากร้านหม้อน้ำ กะว่าจะกลับบ้าน วิ่งเข้ามอร์เตอร์เวย์</p><p>ความร้อนขึ้นอีกแว้ว ก้อเลยจอดดูใต้ท้องรถ ก้อไม่มีน้ำรั่ว&nbsp; จึงรอความร้อนลดลง และก้อค่อยๆคลานไปที่ร้านเดิม (ที่ติดแก๊ส) ช่างก้อเช็คดู จนพบว่า สายไฟ มันช๊อต เขาก้อจัดการเดินสายไฟให้ใหม่</p><p>อาการความร้อนขึ้นก้อหายไป หลังจากนั้นก้อขับมาได้ปกติดี ไม่มีปัญหาใดๆเลยคับพี่น้อง </p><p><br /></p><p>5. ผ่านมาจนถึงช่วงต้นเดือน มีนาคม (เว้นระยะมาได้เดือนกว่าๆ) เริ่มรู้สึกว่า เร่งไปค่อยขึ้นและ เหยียบ แล้วไม่ค่อยพุ่งเหมือนเดิม ความเร็วก้อไม่ดีเหมือนเคย ตอนนั้นก้อคิด</p><p>ไว้ว่า น่าจะเอาไปเป่ากรองที่ร้านสักที แล้วให้เขาจูนเครื่อง จูนแก๊สให้ใหม่ วันที่ 12 มีนาคม 53 ก้อเลยเอาเข้าไปให้เขาทำ&nbsp;&nbsp; - </p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp; 5.1 ไปถึงตอน 10 โมง ก้อบอกช่างว่า &quot;เป่ากรองและจูนเครื่องให้ผมที รู้สึกมันเร่งไม่ค่อยขึ้นนะ&quot; เขาก้อจัดการให้อย่างว่องไว พอขับออกมาปุ๊บ ก้อเจอปัญหาเดิมคับ </p><p>คือ คันเร่งค้าง ขับแบบลากเกียร์ไปให้ถึง 3000 รอบ มันก้อจะค้าง คือปล่อยคันเร่งแล้วเครื่องไม่ผ่อนตาม และแถมยังเร่งต่อไปเองอีกตะหาก&quot; ก้อเลยนึกถีงเมื่อครั้งก่อนที่เจออาการเดียวกัน </p><p>เลยวกกลับไปให้ช่างเขาดู (แต่บังเอิญว่าช่างคนเดิมที่เคยทำให้ ไม่ว่าง เป็นช่างอีกคนมาทำแทน) เขาก้อปรับ จูน ไปเรื่อย และก้อบอกว่า &quot; เรียบร้อย เสร็จแล้ว ไปทดสอบด้วยกันเลยปะ&quot; ผมก้อออกไปทดสอบกะช่าง โดยให้ช่าง</p><p>ขับ ออกจากอู่ได้ ก้อลากเกียร์สอง ให้รอบขึ้นถึง 3 พัน มันก้อค้างเหมือนเดิม ช่างเริ่มหน้าเสีย และก้อบ่น &quot;มันทำไมยังค้างอีกฟะ&quot; สงสัยเป็นที่สปริง ตรงคาร์บู </p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp; 5.2 ก้อกลับมาที่อู่เปลี่ยนสปริงไป 1 อัน เขาคิดผม 100 บาท ผมก็ขับออกไป test คนเดียว คราวนี้ ช่างออกปากก่อนเลยว่า &quot;ถ้าไม่หาย ก้อต้องเปลี่ยนสาย</p><p>คันเร่งแล้วล่ะ ผมออกไปยังไม่ถึง 200 เมตรจากหน้าอู่ ก้อลองลากเกียร์สอง ให้ขึ้นถึง 3000 รอบ มันก้อค้างเหมือนเดิม ก้อเลยกลับไปอู่</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp; 5.3 ผมก้อบอกช่างว่า &quot;เมื่อกี๊บอกว่า ถ้าไม่หายก้อเปลี่ยนสายคันเร่งใช่ไหม มันไม่หายนะ ถ้าเปลี่ยนแล้วหายชัวร์ไหม&quot; ช่างตอบอย่างมั่นใจว่า &quot;ชัวร์เลย&quot;</p><p>ผมก้อบอกช่างว่า&nbsp; &quot;ok เปลี่ยนซะ&quot;&nbsp; ก้อจัดไปอีก 550 บาท เสร็จแล้วผมก้อบอกช่างว่า &quot;ออกไปเทสด้วยกันเลยนะ&quot; ก้อให้ช่างขับและผมนั่งไปด้วย ปรากฏว่า มันก้อยังค้างอยู่</p><p>แต่ไม่มากเหมือนครั้งก่อน คือ ผ่อนคันเร่งแล้ว มันจะค้างต่อสัก 2 วินาที แล้วมันถึงจะผ่อนเครื่องลง ช่างก้อเริ่มหน้าเสียอีกตามเคย เขาก้อจอดข้างทาง ทำท่าจะลงไปดูเพื่อจะปรับจูน</p><p>แต่สิ่งที่พบหลังจากเปิดฝากระโปรงคือ น้ำมันเครื่องกระจายเต็มเลยครับ เขาบอกว่า &quot;ซิลคอหน้า รั่ว&quot; ผมก้องงล่ะคับ มันคืออาไรผมก้อไม่รู้จัก แต่ภาพที่เห็นคือ น้ำมันเครื่องเจิ่งนอง</p><p>เต็มพื้นถนน เขาก้อค่อยๆประคองกลับไปที่อู่ ซึ่งห่างจากจุดที่จอดประมาณ 3 กิโล โดยขับไปสักนิด ก้อดับเครื่องเพื่อพัก และก้อขับไปอีกนิด และก้อดับเครื่องเพื่อพัก อย่างนี้จนถึงอู่</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp; 5.4 ช่างก้อจัดการ ส่องดู และก้อบอกว่า ต้องเปลี่ยน &quot;ซิลคอหน้า&quot; ผมก้อถามเท่าไหร่ล่ะ เขาบอกว่า 350 ผมก้อคิดว่า ยังไงมันก้อต้องเปลีย่นมั้ง ก้อเลยให้เขา</p><p>เปลี่ย่นไป และช่างยังมาบอกผมอีกว่า &quot;ผมรู้และว่าทำไมค้าง เด๋วผมจัดการให้ หายชัวร์&quot; แต่ผมเริ่มไม่ชัวร์กะคำพูดช่างอีกและ ก้อนั่งรอ พร้อมกะทำใจ ว่ารถกรูจะรอดไหมเนี่ย</p><p>พอทำเสร็จ 2 อย่างคือ เปลี่ยนซิลคอหน้าและ ทำให้มันไม่ค้างอย่างที่ช่างบอก (แต่ว่าเขาทำอะไร ผมฟังไม่ค่อยถนัด ฟังไม่รู้เรื่อง) แล้วช่างเขาก้อบอกว่า &quot;เรียบร้อย&quot; ผมก้อบอกว่า</p><p>&quot;ไม่ค้างแล้วนะ&quot; ช่างบอกต่อว่า &quot;ไม่ค้าง แต่ถ้าค้าง ก้อเอากลับมา เด๋วผมดูและให้&quot; (ชักเริ่มไม่มั่นใจในคำพูดตัวเอง) แต่ยังไม่ทันได้ออกจากอู่ ผมลองเบิ้ลเครื่องอยู่กะที่ จนถึง 4 พันรอบ</p><p>และก้อปล่อยคันเร่ง เครื่องมันดันไม่ผ่อนตามลงมา มันเร่งต่อจะไปถึง 6 พัน ผมก้อรีบดับเครื่องทันที ช่างหันหน้ากลับมา บอกว่า &quot;ทิ้งรถไว้ไหม เด๋วผมทำต่อให้ หรือว่าถ้าจะขับไป</p><p>ก่อน ก้อขับได้นะ อย่าขับรอบสูงละกัน&quot; ผมก้อตัดสินใจ ขับไป่กอน เพราะต้องออกไปรับแม่ ในระหว่างขับออกไปนั้น มีความรู้สึกว่า คันเร่งมันหนักๆ กดไม่ค่อยลง และก้อเร่งไม่ค่อย</p><p>ขึ้นด้วย พอไปถึงที่จะรับแม่ ก้อจอดรถ รอแม่ มองดูใต้ท้องรถ เห็นมีน้ำมันหยด ลงมาด้วย ก้อเริ่มรู้สึกไม่ดีและ เลยประคองรถกลับไปที่ร้าน พร้อมกับแม่ด้วย </p><p>ในระหว่างทาง มีรถติดบ้าง เครื่องก้อดับ ผมก้อสตาร์ทใหม่ มันก้อติด เป็นอย่างนี้ ระหว่างทาง 2 รอบ และก้อไปดับอีกที ตรง หน้าทางเข้าอู่พอดี(โชคดีอาไรปานนี้)</p><p>และสิ่งที่ผิดปกติอย่างแรงคือ มีลูกยางตัวนึง ตกลงมาที่เท้าผม ผมก้อหยิบไปให้ช่างคนเดิมดู เขาบอกว่า &quot;อ๋อ สายคันเร่งหลุด&quot; เขาก้อให้ช่างอีกคน ไปเข็นรถเข้ามาในอู่ และก้อจัดการ</p><p>กับลูกยางที่หลุดออกมา ผมก้อรู้สึกยังไม่ค่อยมันใจ เลยเดินไปบอก ช่างคนที่เคยทำให้ผมเมื่อครั้งแรก (คนที่ทำให้ในข้อ 2-3) ว่า &quot;ฝากดูให้ที ผมจะทิ้งไว้ และพรุ่งนี้มาเอา</p><p>คุณน่าจะรู้อาการรถผมมากกว่าช่างคนอื่น&quot; ช่างก้อรับปากว่า &quot;ได้คับ เด๋วผมดูแลให้ พอดีวันนี้ผมติดงานซ่อมให้อีกคันนึงอยู่ เลยไม่มีเวลาดูให้เลย แต่ว่า พรุ่งนี้ พี่มารับรถได้เลย</p><p>เด๋วผมจัดการให้คับ&quot;&nbsp; ผมก้อกลับบ้านอย่างไม่ค่อยพึงพอใจสักเท่าไหร่</p><p><br /></p><p>6. เวลา 9.30 น.ของวันที่ 13 มีนาคม 53 ผมก้ออกไปที่อู่เพื่อจะดูรถของผม&nbsp; พอไปถึง เห็นหน้าช่างแต่ละคน เขาก้อมองหน้าผมแบบหน้าเจื่อนๆ และก้อบอกว่า &quot;งานเข้าแล้วล่ะพี่</p><p>รถพี่คงต้องยกเครื่องใหม่แล้วล่ะ เพราะว่า ช๊าป ละลาย&quot; ผมก้อฟังไม่ค่อยรู้เรื่องหลอกว่า ช๊าปละลายคืออะไร เลยย้อนถามว่า &quot;ช๊าปมันคือสิ่งที่อยู่ในเครื่องใช่ไหม&quot; ช่างบอกว่า &quot;ใช่ มัน</p><p>เกิดจาก น้ำมันเครื่องแห้ง จนช๊าปละลาย ถ้าจะซ่อม ก้อหลายพัน แต่แนะนำให้ยกเครื่องดีกว่า ใส่เครื่องหัวฉีดไปเลย&quot; ผมก้อมึนและคับ อึ้งไปสักพัก และถามเขาไปว่า &quot;น้ำมันเครื่อง</p><p>แห้งได้ไง เมื่อวาน ก่อนออกไปรับแม่ ก้อเปลี่ยนซิลคอหน้าไปแล้ว และก้อเติมน้ำมันเครื่องให้แล้ว ตอนขากลับมาที่อู่ เห็นมีน้ำมันเครื่องหยดก็จริง แต่ไม่น่าแห้งนะ&quot; ช่างก้อบอกว่า</p><p>&quot;มันน่าจะหยดและแห้ง ระหว่างทางที่ขับมา&quot; ผมก้อทำหน้างงๆ ช่างก้อบอกต่ออีกว่า &quot;เป็นที่มู่เล่ มันเหวี่ยงจนทำให้น้ำมันเครื่องรั่วออกมา&quot; ผมก้อเลยลองให้เขาเช็คราคาเครื่องหัวฉีดพร้อมค่าแรงให้ เขาบอกว่า 25,500 บาท </p><p><br /></p><p>7. ผ่านไป 2 ชั่วโมง พ่อผมก้อเดินทางไปถึงที่ร้าน พร้อมกับโทรให้ผม หากล้องมาถ่ายรูป และก้อเดินไปหาช่างพร้อมกะผม พ่อผมถามไปว่า &quot;เกิดไรขึ้น&quot; ช่างก้อพูดเหมือนเดิมว่า &quot;ช๊าปละลาย เกิดจาก มู่เล่เหวี่ยง จนทำให้มันรั่วออกมา&quot; พ่อผมก้อไม่พูดอะไร เดินกลับไปที่รถเขาที่จอดอยู่หน้าร้าน และก้อเอากล้องมาถ่ายรูปหน้าร้าน และถ่ายรูปรถผมที่อยู่ในร้าน และก้อกลับบ้าน มานั่งคิดกันว่า จะเอาไงกันดี</p><p><br /></p><p>มีข้อสังเกตอย่างนี้คับ </p><p>&nbsp; 1. ซิลคอหน้า เพิ่งเปลี่ยนไปเมื่อตอนเปลี่ยนโซ่ราวลิ้น(ข้อ3) แล้วทำไมมาคราวนี้ มันถึงรั่วได้</p><p>&nbsp; 2. ที่ช่างบอกว่า เป็นที่มู่เล่ เหวี่ยง อยู่ดีๆมันจะเหวี่ยงได้อย่างไร ซึ่งก่อนหน้านี้ ไม่เป็น ก่อนจะเอาเข้ามาที่ร้านก้อไม่เป็น และไอ้</p><p>มู่เล่ ที่เขาบอก เมื่อตอนที่เขาเปลี่ยนซิลคอหน้าให้ เขาก้อต้องถอดมู่เล่ นี้ออกมาด้วย และใส่เข้าไปใหม่ ที่ว่ามู่เล่เหวี่ยงจะทำให้ซิลรั่วนั้น เกิดจากการที่ช่างประกอบเข้าไปแล้ว ทำไม่เรียบร้อยหรือเปล่า</p><p><br /></p><p><br /></p><p>จากที่เล่ามายืดยาว พี่น้องช่วยวิเคราะห์ทีครับ ว่าทำไมมันเป็นเช่นนี้ได้ ผมจะทำไงต่อดี แบบนี้ เป็นความผิดของช่างที่ร้านหรือไม่ ร้านต้องรับผิดชอบหรือไม่ เพราะเครื่องนี้ ตั้งแต่</p><p>ติดแก๊สมา ก้อมีแต่ช่างร้านนี้เท่านั้น ที่ซ่อมเครื่อง ทำเครื่อง จูนเครื่องให้ หรือแม้กระทั่ง ถ่ายน้ำมันเครื่อง ก้อเป็นร้านนนี้ที่ถ่ายให้ แล้วมาวันนี้ บอกว่า น้ำมันเครื่องแห้ง ช๊าปละลาย มู่เล่เหวี่ยง</p><p>ผมจะทำไงดีครับ เครียดมากมายเลยคับท่าน ช่วยที</p><p><br /></p><p><br /></p><p>ขอบคุณมากคับ[/QUOTE]</p><p><br /></p>

• เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
• เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
• เข้าสู่ระบบด้วย Google

ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:

คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?

• ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
• มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
• ลืมรหัสผ่านของคุณ?

อยู่ในระบบตลอดเวลา

• X