เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Nissan Car Clubs
>
Sunny Thailand
>
Multilink Beam & Torsion Beam
>
ตอบกลับหัวข้อ
ชื่อ:
การตรวจสอบ:
กรุณาเปิดใช้งานจาวาสคริปต์เพื่อดำเนินการต่อ
กำลังโหลด...
ข้อความ:
<p>[QUOTE="kooljo, post: 1536725, member: 69202"]งั้นผมเรียง ช่วงล่างให้ละกัน</p><p><br /></p><p> - ช่วงล่างแบบ Swing Axle จะเป็นแบบเพลาอิสระ มีโช็คอัพ และสปริง คอยรับน้ำหนักทุกอย่าง ถือเป็นเทคโนโลยีเก่ามาก ปัจจุบันยกเลิกหมดแล้ว</p><p><br /></p><p>1. Double Wishbones ชื่อบอกแล้วว่า เป็นกระดูกคู่ มันจะจับดุมล้อ แบบ 2 ก้านคู่ขนานกัน ถือเป็นเทคโนโลยีเก่า แต่ก็เป็นเทคโนโลยีที่รถสปอร์ตส่วนใหญ่ใช้กัน มี Handing ดีสุด ถือเป็นช่วงล่างในอุดมคติที่สามารถจูนได้ง่ายที่สุด รถเมกาส่วนใหญ่ก็ใช้แต่ Handing กลับเลวร้ายมากเพราะ Handing มันขึ้นกับปัจจัยอื่นด้วย ส่วนใหญ่จะอยู่ในรถที่มีขนาดพอสมควร แต่รถขนาดเล็กที่ใช้ก็เป็น Honda Civic บางรุ่นเท่านั้น</p><p><br /></p><p>2. MacPherson strut ผู้คิดค้นชื่อ แมคเฟอสัน จากบริษัทฟอร์ด คิดค้นได้ตั้งแต่ทศวรรษที่ 50 ถ้านึก Double Wishbones ได้ ..... แม็กเฟอร์สัน สตรัท ก็จะมีแค่แขนด้านล่าง ทำให้ประหยัดแขนด้านบนไป ช่วงล่างแบบนี้ เหมาะกับช่วงล่างด้านหน้าของรถขับหน้า (เพราะต้องการพื้นที่ด้านข้างเยอะกว่าขับหลังมาก) อย่างไรก็ดี ค่า Camber มันจะมีค่าความเพี้ยนสูง แถมเป็นช่วงล่างที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อ Handing ที่ดีที่สุด (อย่าลืมว่าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย) </p><p><br /></p><p>ช่วงทศวรรษที่ 80 บริษัทผลิตรถยนต์หลายยี่ห้อพยายาม ยัดเข้าไปด้านหลังของรถ แต่มันกลับไม่เวิร์คมาก ต่อมาด้านหลังมันจึงถูกแทนที่ด้วย ช่วงล่างที่มีราคาแพงกว่าแบบที่เป็นอิสระ อย่างไรก็ดี มันเป็นช่วงล่างที่เหมาะกับรถขนาดเล็กขับหน้าต้นทุกต่ำ (โดยเฉพาะด้านหน้าของรถ)</p><p><br /></p><p>3. Torsion beam คานเหล็ก มันคืออะไร คำอธิบายคือ มันจะเป็นแกนเหล็กตรงๆ แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้สอยภายในห้องผู้โดยสาร โดยเฉพาะด้านหลัง โดยออกแบบให้แกนกลางมันหักวกไปยังล้อ เป็นรูปตัว U คว่ำ แล้วล้อไปอยู่ตรงปลายตัว U ทั้ง 2 ข้างแทน มันเป็นที่นิยมในรถขนาดเล็ก เพราะมันสามารถเพิ่มพ้นที่ใช้สอยด้านหลังได้เพิ่มอีก แถมยังเป็นช่วงล่างที่มีรถคาถูก และสามารถแบ่งโช็ค และสปริงออกจากกัน (หากนึกไม่ออก ลองไปดูโช๊ค และสปริงของรถอย่างแจ๊ส จะแยกกันอยู่) แกนเหล็กที่ยึดล้อทั้ง 2 ข้างด้วยกัน ทำให้มันเป็นได้แค่ กึ่ง-อิสระ เท่านั้น ระดับ handing อยู่ระดับพอใช้เท่านั้น เนื่องจากการให้ตัวของช่วงล่างได้น้อย แต่ข้อดีคือ ประหยัดค่า anti roll Bar ไปในตัว เพราะมันยึดทั้งซ้ายแล้วขวาด้วยเหล็กแกนเดียวกันอยู่แล้ว</p><p><br /></p><p>ถ้าให้คะแนน Torsion Beam มันเป็นได้แค่ ระดับเดียวกับ MacPherson strut เท่านั้น ไม่สามารถสู้กับกระดูกคู่ และมัลติลิ้งค์ได้เลย</p><p><br /></p><p>4. Multi-link suspension ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า มีหลายแขนจับยึด (อย่างไรก็ดี ถ้าจะเรียกมัลติลิ้งค์ ต้องมี 3 แขนขึ้นไปที่ยึดจับ) การออกแบบก็ขึ้นอยู่กับรถแต่ละยี่ห้อ เช่น BMW ใช้จับแบบ Z (3แขน) หรือ Accord ใช้กระดูกคู่ แต่เพิ่มอีก 1 แขน ก็กลายเป็นมัลติลิ้งค์ แต่ที่เด็ดกว่าคือ Audi ที่มีถึง 4 แขนไปจับ</p><p><br /></p><p>อย่างไรก็ดี รถสปอร์ตส่วนใหญ่ก็ยังเลือกใช้ กระดูกคู่ แบบก็มีรถสปอร์ตหลายรุ่น ใช้มัลติลิ้งค์ ระดับ Handing นั้นถือว่าเป็นระดับเดียวกัน (ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ และการออกแบบของมัลติลิ้งคื) แต่ข้อเสียของมัลติลิ้งค์ คือ ราคาที่แพงที่สุด แถมยังต้องใช้พื้นที่ว่างเยอะกว่าช่วงล่างแบบอื่น ทำให้ส่วนใหญ่มันไปอยู่ในรถขนาดกลางไปถึงใหญ่มากกว่า</p><p><br /></p><p>สรุป</p><p><br /></p><p>ฺB13 ระบบแม็คเฟอร์สันสตรัทอิสระทั้ง หน้าและหลัง </p><p>B14 B15 ระบบแม็กเฟอร์สันสตรัท หน้า ส่วนหลังเป็น Solid Rear Beam</p><p><br /></p><p>คำอธิบายจากเวปของ SR20forum สรุปง่ายๆว่า เนื่องจาก B13 เป็นอิสระทั้ง 4 ล้อ ทางขุรขระและการขับเข้าโค้งที่ความเร็วต่ำ B13 จะดีกว่า B14 แต่ถ้าเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงแล้ว B14 กินขาด ส่วนการจูนช่วงล่าง B13 จูนง่ายกว่ามาก </p><p><br /></p><p>หมายเหตุ ถ้าอ่านจากข้างบน แสดงว่า B14 คือ Multi Link ที่ออกแบบที่มีอีกแขนมาจาก Torsion Beam ยึดด้านซ้ายและขวานั่นเอง ดังนั้น B14 ไม่น่าจะมีขาย โรลบาร์ด้านล่างแล้วนะ<span style="color: orange"></span></p><p><span style="color: orange"><br /></span></p><p><span style="color: orange"><font size="1">---------- เพิ่มกระทู้ เมื่อ 21:23:27 ---------- กระทู้ก่อนหน้านี้ เมื่อ 21:23:36 ----------</font></span></p><p><span style="color: orange"><br /></span></p><p><span style="color: orange"></span>งั้นผมเรียง ช่วงล่างให้ละกัน</p><p><br /></p><p> - ช่วงล่างแบบ Swing Axle จะเป็นแบบเพลาอิสระ มีโช็คอัพ และสปริง คอยรับน้ำหนักทุกอย่าง ถือเป็นเทคโนโลยีเก่ามาก ปัจจุบันยกเลิกหมดแล้ว</p><p><br /></p><p>1. Double Wishbones ชื่อบอกแล้วว่า เป็นกระดูกคู่ มันจะจับดุมล้อ แบบ 2 ก้านคู่ขนานกัน ถือเป็นเทคโนโลยีเก่า แต่ก็เป็นเทคโนโลยีที่รถสปอร์ตส่วนใหญ่ใช้กัน มี Handing ดีสุด ถือเป็นช่วงล่างในอุดมคติที่สามารถจูนได้ง่ายที่สุด รถเมกาส่วนใหญ่ก็ใช้แต่ Handing กลับเลวร้ายมากเพราะ Handing มันขึ้นกับปัจจัยอื่นด้วย ส่วนใหญ่จะอยู่ในรถที่มีขนาดพอสมควร แต่รถขนาดเล็กที่ใช้ก็เป็น Honda Civic บางรุ่นเท่านั้น</p><p><br /></p><p>2. MacPherson strut ผู้คิดค้นชื่อ แมคเฟอสัน จากบริษัทฟอร์ด คิดค้นได้ตั้งแต่ทศวรรษที่ 50 ถ้านึก Double Wishbones ได้ ..... แม็กเฟอร์สัน สตรัท ก็จะมีแค่แขนด้านล่าง ทำให้ประหยัดแขนด้านบนไป ช่วงล่างแบบนี้ เหมาะกับช่วงล่างด้านหน้าของรถขับหน้า (เพราะต้องการพื้นที่ด้านข้างเยอะกว่าขับหลังมาก) อย่างไรก็ดี ค่า Camber มันจะมีค่าความเพี้ยนสูง แถมเป็นช่วงล่างที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อ Handing ที่ดีที่สุด (อย่าลืมว่าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย) </p><p><br /></p><p>ช่วงทศวรรษที่ 80 บริษัทผลิตรถยนต์หลายยี่ห้อพยายาม ยัดเข้าไปด้านหลังของรถ แต่มันกลับไม่เวิร์คมาก ต่อมาด้านหลังมันจึงถูกแทนที่ด้วย ช่วงล่างที่มีราคาแพงกว่าแบบที่เป็นอิสระ อย่างไรก็ดี มันเป็นช่วงล่างที่เหมาะกับรถขนาดเล็กขับหน้าต้นทุกต่ำ (โดยเฉพาะด้านหน้าของรถ)</p><p><br /></p><p>3. Torsion beam คานเหล็ก มันคืออะไร คำอธิบายคือ มันจะเป็นแกนเหล็กตรงๆ แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้สอยภายในห้องผู้โดยสาร โดยเฉพาะด้านหลัง โดยออกแบบให้แกนกลางมันหักวกไปยังล้อ เป็นรูปตัว U คว่ำ แล้วล้อไปอยู่ตรงปลายตัว U ทั้ง 2 ข้างแทน มันเป็นที่นิยมในรถขนาดเล็ก เพราะมันสามารถเพิ่มพ้นที่ใช้สอยด้านหลังได้เพิ่มอีก แถมยังเป็นช่วงล่างที่มีรถคาถูก และสามารถแบ่งโช็ค และสปริงออกจากกัน (หากนึกไม่ออก ลองไปดูโช๊ค และสปริงของรถอย่างแจ๊ส จะแยกกันอยู่) แกนเหล็กที่ยึดล้อทั้ง 2 ข้างด้วยกัน ทำให้มันเป็นได้แค่ กึ่ง-อิสระ เท่านั้น ระดับ handing อยู่ระดับพอใช้เท่านั้น เนื่องจากการให้ตัวของช่วงล่างได้น้อย แต่ข้อดีคือ ประหยัดค่า anti roll Bar ไปในตัว เพราะมันยึดทั้งซ้ายแล้วขวาด้วยเหล็กแกนเดียวกันอยู่แล้ว</p><p><br /></p><p>ถ้าให้คะแนน Torsion Beam มันเป็นได้แค่ ระดับเดียวกับ MacPherson strut เท่านั้น ไม่สามารถสู้กับกระดูกคู่ และมัลติลิ้งค์ได้เลย</p><p><br /></p><p>4. Multi-link suspension ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า มีหลายแขนจับยึด (อย่างไรก็ดี ถ้าจะเรียกมัลติลิ้งค์ ต้องมี 3 แขนขึ้นไปที่ยึดจับ) การออกแบบก็ขึ้นอยู่กับรถแต่ละยี่ห้อ เช่น BMW ใช้จับแบบ Z (3แขน) หรือ Accord ใช้กระดูกคู่ แต่เพิ่มอีก 1 แขน ก็กลายเป็นมัลติลิ้งค์ แต่ที่เด็ดกว่าคือ Audi ที่มีถึง 4 แขนไปจับ</p><p><br /></p><p>อย่างไรก็ดี รถสปอร์ตส่วนใหญ่ก็ยังเลือกใช้ กระดูกคู่ แบบก็มีรถสปอร์ตหลายรุ่น ใช้มัลติลิ้งค์ ระดับ Handing นั้นถือว่าเป็นระดับเดียวกัน (ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ และการออกแบบของมัลติลิ้งคื) แต่ข้อเสียของมัลติลิ้งค์ คือ ราคาที่แพงที่สุด แถมยังต้องใช้พื้นที่ว่างเยอะกว่าช่วงล่างแบบอื่น ทำให้ส่วนใหญ่มันไปอยู่ในรถขนาดกลางไปถึงใหญ่มากกว่า</p><p><br /></p><p>สรุป</p><p><br /></p><p>ฺB13 ระบบแม็คเฟอร์สันสตรัทอิสระทั้ง หน้าและหลัง </p><p>B14 B15 ระบบแม็กเฟอร์สันสตรัท หน้า ส่วนหลังเป็น Solid Rear Beam</p><p><br /></p><p>คำอธิบายจากเวปของ SR20forum สรุปง่ายๆว่า เนื่องจาก B13 เป็นอิสระทั้ง 4 ล้อ ทางขุรขระและการขับเข้าโค้งที่ความเร็วต่ำ B13 จะดีกว่า B14 แต่ถ้าเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงแล้ว B14 กินขาด ส่วนการจูนช่วงล่าง B13 จูนง่ายกว่ามาก </p><p><br /></p><p>หมายเหตุ ถ้าอ่านจากข้างบน แสดงว่า B14 คือ Multi Link ที่ออกแบบที่มีอีกแขนมาจาก Torsion Beam ยึดด้านซ้ายและขวานั่นเอง ดังนั้น B14 ไม่น่าจะมีขาย โรลบาร์ด้านล่างแล้วนะ[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="kooljo, post: 1536725, member: 69202"]งั้นผมเรียง ช่วงล่างให้ละกัน - ช่วงล่างแบบ Swing Axle จะเป็นแบบเพลาอิสระ มีโช็คอัพ และสปริง คอยรับน้ำหนักทุกอย่าง ถือเป็นเทคโนโลยีเก่ามาก ปัจจุบันยกเลิกหมดแล้ว 1. Double Wishbones ชื่อบอกแล้วว่า เป็นกระดูกคู่ มันจะจับดุมล้อ แบบ 2 ก้านคู่ขนานกัน ถือเป็นเทคโนโลยีเก่า แต่ก็เป็นเทคโนโลยีที่รถสปอร์ตส่วนใหญ่ใช้กัน มี Handing ดีสุด ถือเป็นช่วงล่างในอุดมคติที่สามารถจูนได้ง่ายที่สุด รถเมกาส่วนใหญ่ก็ใช้แต่ Handing กลับเลวร้ายมากเพราะ Handing มันขึ้นกับปัจจัยอื่นด้วย ส่วนใหญ่จะอยู่ในรถที่มีขนาดพอสมควร แต่รถขนาดเล็กที่ใช้ก็เป็น Honda Civic บางรุ่นเท่านั้น 2. MacPherson strut ผู้คิดค้นชื่อ แมคเฟอสัน จากบริษัทฟอร์ด คิดค้นได้ตั้งแต่ทศวรรษที่ 50 ถ้านึก Double Wishbones ได้ ..... แม็กเฟอร์สัน สตรัท ก็จะมีแค่แขนด้านล่าง ทำให้ประหยัดแขนด้านบนไป ช่วงล่างแบบนี้ เหมาะกับช่วงล่างด้านหน้าของรถขับหน้า (เพราะต้องการพื้นที่ด้านข้างเยอะกว่าขับหลังมาก) อย่างไรก็ดี ค่า Camber มันจะมีค่าความเพี้ยนสูง แถมเป็นช่วงล่างที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อ Handing ที่ดีที่สุด (อย่าลืมว่าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย) ช่วงทศวรรษที่ 80 บริษัทผลิตรถยนต์หลายยี่ห้อพยายาม ยัดเข้าไปด้านหลังของรถ แต่มันกลับไม่เวิร์คมาก ต่อมาด้านหลังมันจึงถูกแทนที่ด้วย ช่วงล่างที่มีราคาแพงกว่าแบบที่เป็นอิสระ อย่างไรก็ดี มันเป็นช่วงล่างที่เหมาะกับรถขนาดเล็กขับหน้าต้นทุกต่ำ (โดยเฉพาะด้านหน้าของรถ) 3. Torsion beam คานเหล็ก มันคืออะไร คำอธิบายคือ มันจะเป็นแกนเหล็กตรงๆ แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้สอยภายในห้องผู้โดยสาร โดยเฉพาะด้านหลัง โดยออกแบบให้แกนกลางมันหักวกไปยังล้อ เป็นรูปตัว U คว่ำ แล้วล้อไปอยู่ตรงปลายตัว U ทั้ง 2 ข้างแทน มันเป็นที่นิยมในรถขนาดเล็ก เพราะมันสามารถเพิ่มพ้นที่ใช้สอยด้านหลังได้เพิ่มอีก แถมยังเป็นช่วงล่างที่มีรถคาถูก และสามารถแบ่งโช็ค และสปริงออกจากกัน (หากนึกไม่ออก ลองไปดูโช๊ค และสปริงของรถอย่างแจ๊ส จะแยกกันอยู่) แกนเหล็กที่ยึดล้อทั้ง 2 ข้างด้วยกัน ทำให้มันเป็นได้แค่ กึ่ง-อิสระ เท่านั้น ระดับ handing อยู่ระดับพอใช้เท่านั้น เนื่องจากการให้ตัวของช่วงล่างได้น้อย แต่ข้อดีคือ ประหยัดค่า anti roll Bar ไปในตัว เพราะมันยึดทั้งซ้ายแล้วขวาด้วยเหล็กแกนเดียวกันอยู่แล้ว ถ้าให้คะแนน Torsion Beam มันเป็นได้แค่ ระดับเดียวกับ MacPherson strut เท่านั้น ไม่สามารถสู้กับกระดูกคู่ และมัลติลิ้งค์ได้เลย 4. Multi-link suspension ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า มีหลายแขนจับยึด (อย่างไรก็ดี ถ้าจะเรียกมัลติลิ้งค์ ต้องมี 3 แขนขึ้นไปที่ยึดจับ) การออกแบบก็ขึ้นอยู่กับรถแต่ละยี่ห้อ เช่น BMW ใช้จับแบบ Z (3แขน) หรือ Accord ใช้กระดูกคู่ แต่เพิ่มอีก 1 แขน ก็กลายเป็นมัลติลิ้งค์ แต่ที่เด็ดกว่าคือ Audi ที่มีถึง 4 แขนไปจับ อย่างไรก็ดี รถสปอร์ตส่วนใหญ่ก็ยังเลือกใช้ กระดูกคู่ แบบก็มีรถสปอร์ตหลายรุ่น ใช้มัลติลิ้งค์ ระดับ Handing นั้นถือว่าเป็นระดับเดียวกัน (ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ และการออกแบบของมัลติลิ้งคื) แต่ข้อเสียของมัลติลิ้งค์ คือ ราคาที่แพงที่สุด แถมยังต้องใช้พื้นที่ว่างเยอะกว่าช่วงล่างแบบอื่น ทำให้ส่วนใหญ่มันไปอยู่ในรถขนาดกลางไปถึงใหญ่มากกว่า สรุป ฺB13 ระบบแม็คเฟอร์สันสตรัทอิสระทั้ง หน้าและหลัง B14 B15 ระบบแม็กเฟอร์สันสตรัท หน้า ส่วนหลังเป็น Solid Rear Beam คำอธิบายจากเวปของ SR20forum สรุปง่ายๆว่า เนื่องจาก B13 เป็นอิสระทั้ง 4 ล้อ ทางขุรขระและการขับเข้าโค้งที่ความเร็วต่ำ B13 จะดีกว่า B14 แต่ถ้าเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงแล้ว B14 กินขาด ส่วนการจูนช่วงล่าง B13 จูนง่ายกว่ามาก หมายเหตุ ถ้าอ่านจากข้างบน แสดงว่า B14 คือ Multi Link ที่ออกแบบที่มีอีกแขนมาจาก Torsion Beam ยึดด้านซ้ายและขวานั่นเอง ดังนั้น B14 ไม่น่าจะมีขาย โรลบาร์ด้านล่างแล้วนะ[COLOR="orange"] [SIZE=1]---------- เพิ่มกระทู้ เมื่อ 21:23:27 ---------- กระทู้ก่อนหน้านี้ เมื่อ 21:23:36 ----------[/SIZE] [/COLOR]งั้นผมเรียง ช่วงล่างให้ละกัน - ช่วงล่างแบบ Swing Axle จะเป็นแบบเพลาอิสระ มีโช็คอัพ และสปริง คอยรับน้ำหนักทุกอย่าง ถือเป็นเทคโนโลยีเก่ามาก ปัจจุบันยกเลิกหมดแล้ว 1. Double Wishbones ชื่อบอกแล้วว่า เป็นกระดูกคู่ มันจะจับดุมล้อ แบบ 2 ก้านคู่ขนานกัน ถือเป็นเทคโนโลยีเก่า แต่ก็เป็นเทคโนโลยีที่รถสปอร์ตส่วนใหญ่ใช้กัน มี Handing ดีสุด ถือเป็นช่วงล่างในอุดมคติที่สามารถจูนได้ง่ายที่สุด รถเมกาส่วนใหญ่ก็ใช้แต่ Handing กลับเลวร้ายมากเพราะ Handing มันขึ้นกับปัจจัยอื่นด้วย ส่วนใหญ่จะอยู่ในรถที่มีขนาดพอสมควร แต่รถขนาดเล็กที่ใช้ก็เป็น Honda Civic บางรุ่นเท่านั้น 2. MacPherson strut ผู้คิดค้นชื่อ แมคเฟอสัน จากบริษัทฟอร์ด คิดค้นได้ตั้งแต่ทศวรรษที่ 50 ถ้านึก Double Wishbones ได้ ..... แม็กเฟอร์สัน สตรัท ก็จะมีแค่แขนด้านล่าง ทำให้ประหยัดแขนด้านบนไป ช่วงล่างแบบนี้ เหมาะกับช่วงล่างด้านหน้าของรถขับหน้า (เพราะต้องการพื้นที่ด้านข้างเยอะกว่าขับหลังมาก) อย่างไรก็ดี ค่า Camber มันจะมีค่าความเพี้ยนสูง แถมเป็นช่วงล่างที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อ Handing ที่ดีที่สุด (อย่าลืมว่าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย) ช่วงทศวรรษที่ 80 บริษัทผลิตรถยนต์หลายยี่ห้อพยายาม ยัดเข้าไปด้านหลังของรถ แต่มันกลับไม่เวิร์คมาก ต่อมาด้านหลังมันจึงถูกแทนที่ด้วย ช่วงล่างที่มีราคาแพงกว่าแบบที่เป็นอิสระ อย่างไรก็ดี มันเป็นช่วงล่างที่เหมาะกับรถขนาดเล็กขับหน้าต้นทุกต่ำ (โดยเฉพาะด้านหน้าของรถ) 3. Torsion beam คานเหล็ก มันคืออะไร คำอธิบายคือ มันจะเป็นแกนเหล็กตรงๆ แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้สอยภายในห้องผู้โดยสาร โดยเฉพาะด้านหลัง โดยออกแบบให้แกนกลางมันหักวกไปยังล้อ เป็นรูปตัว U คว่ำ แล้วล้อไปอยู่ตรงปลายตัว U ทั้ง 2 ข้างแทน มันเป็นที่นิยมในรถขนาดเล็ก เพราะมันสามารถเพิ่มพ้นที่ใช้สอยด้านหลังได้เพิ่มอีก แถมยังเป็นช่วงล่างที่มีรถคาถูก และสามารถแบ่งโช็ค และสปริงออกจากกัน (หากนึกไม่ออก ลองไปดูโช๊ค และสปริงของรถอย่างแจ๊ส จะแยกกันอยู่) แกนเหล็กที่ยึดล้อทั้ง 2 ข้างด้วยกัน ทำให้มันเป็นได้แค่ กึ่ง-อิสระ เท่านั้น ระดับ handing อยู่ระดับพอใช้เท่านั้น เนื่องจากการให้ตัวของช่วงล่างได้น้อย แต่ข้อดีคือ ประหยัดค่า anti roll Bar ไปในตัว เพราะมันยึดทั้งซ้ายแล้วขวาด้วยเหล็กแกนเดียวกันอยู่แล้ว ถ้าให้คะแนน Torsion Beam มันเป็นได้แค่ ระดับเดียวกับ MacPherson strut เท่านั้น ไม่สามารถสู้กับกระดูกคู่ และมัลติลิ้งค์ได้เลย 4. Multi-link suspension ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า มีหลายแขนจับยึด (อย่างไรก็ดี ถ้าจะเรียกมัลติลิ้งค์ ต้องมี 3 แขนขึ้นไปที่ยึดจับ) การออกแบบก็ขึ้นอยู่กับรถแต่ละยี่ห้อ เช่น BMW ใช้จับแบบ Z (3แขน) หรือ Accord ใช้กระดูกคู่ แต่เพิ่มอีก 1 แขน ก็กลายเป็นมัลติลิ้งค์ แต่ที่เด็ดกว่าคือ Audi ที่มีถึง 4 แขนไปจับ อย่างไรก็ดี รถสปอร์ตส่วนใหญ่ก็ยังเลือกใช้ กระดูกคู่ แบบก็มีรถสปอร์ตหลายรุ่น ใช้มัลติลิ้งค์ ระดับ Handing นั้นถือว่าเป็นระดับเดียวกัน (ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ และการออกแบบของมัลติลิ้งคื) แต่ข้อเสียของมัลติลิ้งค์ คือ ราคาที่แพงที่สุด แถมยังต้องใช้พื้นที่ว่างเยอะกว่าช่วงล่างแบบอื่น ทำให้ส่วนใหญ่มันไปอยู่ในรถขนาดกลางไปถึงใหญ่มากกว่า สรุป ฺB13 ระบบแม็คเฟอร์สันสตรัทอิสระทั้ง หน้าและหลัง B14 B15 ระบบแม็กเฟอร์สันสตรัท หน้า ส่วนหลังเป็น Solid Rear Beam คำอธิบายจากเวปของ SR20forum สรุปง่ายๆว่า เนื่องจาก B13 เป็นอิสระทั้ง 4 ล้อ ทางขุรขระและการขับเข้าโค้งที่ความเร็วต่ำ B13 จะดีกว่า B14 แต่ถ้าเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงแล้ว B14 กินขาด ส่วนการจูนช่วงล่าง B13 จูนง่ายกว่ามาก หมายเหตุ ถ้าอ่านจากข้างบน แสดงว่า B14 คือ Multi Link ที่ออกแบบที่มีอีกแขนมาจาก Torsion Beam ยึดด้านซ้ายและขวานั่นเอง ดังนั้น B14 ไม่น่าจะมีขาย โรลบาร์ด้านล่างแล้วนะ[/QUOTE]
เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
เข้าสู่ระบบด้วย Google
ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:
คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?
ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
ลืมรหัสผ่านของคุณ?
อยู่ในระบบตลอดเวลา
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Nissan Car Clubs
>
Sunny Thailand
>
Multilink Beam & Torsion Beam
>
X
หน้าแรก
หน้าแรก
Quick Links
โพสต์ล่าสุด
กิจกรรมล่าสุด
ผู้เขียน
ฟอรั่ม
ฟอรั่ม
Quick Links
ค้นหาฟอรั่ม
โพสต์ล่าสุด
ประกาศซื้อขาย
ประกาศซื้อขาย
Quick Links
ค้นหาประกาศซื้อขาย
กิจกรรมล่าสุด
ผู้ค้าขายคะแนนสูงสุด
สื่อ/วิดีโอ
สื่อ/วิดีโอ
Quick Links
Search Media
New Media
สมาชิก
สมาชิก
Quick Links
สมาชิกที่โดดเด่น
สมาชิกที่ลงทะเบียน
ผู้ใช้งานในขณะนี้
กิจกรรมล่าสุด
โพสต์ข้อมูลส่วนตัวใหม่
เมนู
ค้นหาเฉพาะชื่อ
โพสต์โดยสมาชิก:
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ใหม่กว่า:
ค้นหาเฉพาะหัวข้อนี้
ค้นหาเฉพาะฟอรั่มนี้
แสดงผลเป็นหัวข้อ
การค้นหาที่มีประโยชน์
โพสต์ล่าสุด
เพิ่มเติม...