• 
  
  ติดต่อลงโฆษณา [email protected] หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่

ชื่อ:

การตรวจสอบ:

กำลังโหลด...

ข้อความ:

<p>[QUOTE=&quot;nong_acc88, post: 1623444, member: 4979&quot;]<span style="color: sandybrown">เข้าไปอ่านในกระทู้ลิ้งค์ที่ทำให้ยังครับ หรือตรงนี้ก็ได้&nbsp; คลิ๊กเลย</span> ===&gt;&nbsp;&nbsp; <a href="http://racingweb.net/forums/showthread.php?534497-%E0%C3%D7%E8%CD%A7%E4%C1%E8%C5%D1%BA%A2%CD%A7-b20-%E3%A4%C3%CD%C2%D2%A1%A8%D0%B7%D3%C1%D2%CD%E8%D2%B9%A1%E8%CD%B9" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://racingweb.net/forums/showthread.php?534497-%E0%C3%D7%E8%CD%A7%E4%C1%E8%C5%D1%BA%A2%CD%A7-b20-%E3%A4%C3%CD%C2%D2%A1%A8%D0%B7%D3%C1%D2%CD%E8%D2%B9%A1%E8%CD%B9" rel="nofollow">เรื่องไม่ลับของ b20 ใครอยากจะทำมาอ่านก่อน</a></p><p><br /></p><p><span style="color: orange">เอามาลงให้อ่านใหม่ดีกว่า...</span></p><p><br /></p><p><br /></p><p><span style="color: cyan">ส่วนผสม b16a + b20b = b36ab...แร็ง!! </span></p><p><span style="color: cyan">B20+B16</span></p><p><span style="color: cyan">รูปแบบของเครื่องยนต์</span></p><p><span style="color: cyan">b20b จากญี่ปุ่น จะแบ่งออกเป็น 3 รุ่นใหญ่ๆ ที่มีความแตกต่างกัน</span></p><p><span style="color: cyan">20b ปี 96-98 เครื่องจะมีกำลังอัด 8.8 ต่อ 1 </span></p><p><span style="color: cyan">b20b ปี 99-01 เครื่องจะมีกำลังอัด 9.6 ต่อ 1</span></p><p><span style="color: cyan">b20b รหัสฝา P75 วาวล์ไอดี 31 มม. ไอเสีย 28 มม. และรหัส P8R กำลังอัด 9.2 ต่อ 1 วาวล์ไอดี 33 มม.( เท่ากับฝาวีเทค) วาวล์ไอเสีย 28 มม. </span></p><p><span style="color: cyan">ข้อมูลนี้มีประโยชน์อย่างไร?</span></p><p><span style="color: cyan">ถ้าได้เครื่องปี 96-98 มาประกบกับฝา b16a กำลังอัดจะอยู่ แถวๆ 9.09 ต่อ 1 ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำ (เมื่อเทียบกับของ b16a 10.2 ต่อ 1 ) ถ้าจะให้ได้กำลังอัดประมาณ 10.5 ต่อ 1 จะต้องไสฝาออกประมาณ 2 มม. ซึ่งจะทำให้ระยะวาวล์กับลูกสูบใกล้กันมากเข้าไปอีก โอกาสที่วาวล์จะกระทบลูกสูบมีมากขึ้น ยิ่งถ้าจะต้องขุดลูกสูบเพื่อให้หลบวาวล์ และรักษากำลังอัดไว้ คงจะต้องไสฝามากกว่า 2 มม. และมันก็จะมีปัญหาเรื่องสายพานไทม์มิ่ง ที่มีระยะที่หย่อนมากขึ้นอีกหน่อย โอกาสที่จะกระโดดข้ามร่องยามที่สายพานเก่าๆที่รอบสูงๆ จะมีมากกว่า</span></p><p><span style="color: cyan">ถ้าใช้กับฝา b18c ฝาดำ กำลังอัดจะสูงกว่า เนื่องจากห้องเผาไหม้เล็กกว่า ( 42.7 cc. กับ 41.6 cc)</span></p><p><span style="color: cyan">ดังนั้นถ้าได้เครื่อง ปี 99-01 หรือ เครื่องที่มีรหัสฝา P8R มาใช้น่าจะดีกว่า เนื่องจากว่ากำลังอัดจะสูงกว่าถึงจะปาดฝาเพิ่มกำลังอัด ก็จะปาดออกไม่มาก</span></p><p><span style="color: cyan">สรุป จากการคำนวน</span></p><p><span style="color: cyan">เครื่อง ปี 96-98 ประกบฝา b16a กำลังอัดจะได้ 9.09 ต่อ 1</span></p><p><span style="color: cyan">เครื่อง ปี 99-01 ประกบฝา b16a กำลังอัดจะได้ 9.96 ต่อ 1 </span></p><p><span style="color: cyan">เครื่อง ปี 96-98 ประกบฝา b18c ฝาดำ กำลังอัดจะได้ 9.24 ต่อ 1</span></p><p><span style="color: cyan">เครื่อง ปี 99-01 ประกบฝา b18c ฝาดำ กำลังอัดจะได้ 10.14 ต่อ 1</span></p><p><span style="color: cyan">ถ้าเป็น B18 ล่ะ</span></p><p><span style="color: cyan">หลายอยู่ครับ สำหรับคนที่ไม่ได้ใช้ b18c, b16a/b อยู่แล้ว เพราะมันต้องหาฝา, ลิ้น, ท่อไอดีพร้อมหัวฉีด หากล่อง, สายไฟ, จานจ่าย, เกียร์ ซึ่งบางอย่างก็หายาก หรือ หาสภาพดีๆ ไม่ค่อยได้ แล้วมันก็แพงด้วยถ้ามีเครื่องอยู่แล้ว ก็เตรียมไว้ สามหมื่นครับ ไม่น่าจะเกินนี้ ยิ่งตอนนี้ราคา b20b เริ่มลงมาบ้างแล้ว ต่ำกว่า 1.5 หมื่น สภาพดีๆมีเยอะ บางที สามหมื่นอาจจะได้แคมฝาแดงเอามาแต่มันไม่ค่อยจะคุ้มเท่าไหร่นะครับ นอกเสียจากว่าท่อนล่างเจ๊ง หรือต้องการแบบสุดๆ (แต่เล่นหนักๆ ไม่ทน)เนื่องจากว่ามีข้อแตกต่างจากท่อนล่างของทั้งสองบล๊อกเป็นต้นว่า</span></p><p><span style="color: cyan">- ลูกสูบกำลังอัดสูง น้ำหนักเบา เคลือบกระโปรงลูกสูบด้วยเทฟล่อน</span></p><p><span style="color: cyan">- มีหัวฉีดน้ำมันเครื่องระบายความร้อนและหล่อลื่นด้านใต้ลูกสูบ (oil squiter)</span></p><p><span style="color: cyan">- มีตัวเพิ่มความแข็งแรงของประกับเมนแบริ่ง (gridle) ทำให้เครื่องไม่บิดตัวมากเมื่อใช้รอบสูงๆ</span></p><p><span style="color: cyan">- ข้อเหวี่ยงมีการบาล้านซ์น้ำหนักได้ละเอียดกว่าเพื่อการทำงานที่รอบสูงได้นิ่งมากขึ้น</span></p><p><span style="color: cyan">- ก้านสูบแบบกึ่งอัดขึ้นรูป น้ำหนักเบา แข็งแรงกว่า</span></p><p><span style="color: cyan">b20b มีดีแค่ความจุอย่างเดียวครับ เพิ่มขึ้นมาอีก ไม่เต็ม สองร้อย ซีซี ด้วยซ้ำ เหมาะสำหรับเอามาจิ๊ดจ๊าด ในเมือง นอกเมืองบ้างนิดหน่อย เอามาแข่งยาวๆ ในเซอร์กิต ดูเหมือนว่า มันไม่น่าจะทนซักเท่าไหร่นักใครทำท่อนล่าง ฝาแดงเจ๊งได้ โดยไม่ว่าวเกียร์ และมีการดูแลรักษาอย่างดีตลอดฝาแดงทั้งคู่เป็นฝาเดียวกัน เป็นฝาที่มีพื้นฐานมาจากฝาของ b16a ฝาดำเดิมๆ แต่เอามาเปลี่ยนวาวล์ใหม่ให้น้ำหนักเบากว่าเดิม มีการขัดพอร์ทเพิ่มการไหลของอากาศ แล้วเอาสปริงวาวล์ด้านไอดี ทั้งนอกและในของ b18c ฝาดำ เอามาใส่ด้านไอเสีย ส่วนด้านไอดีก็เป็นอันใหม่ที่แข็งกว่าเดิม แคมไอดีไอเสียองศาสูงขึ้น โดยที่แคมไอดีฝาแดงของ b16b จะมากกว่าของ b18cr อยู่ 3 องศา แคมไอเสียของทั้งคู่ใช้ เบอร์อะไหล่เบอร์เดียวกัน (ก็ใช้อันเดียวกันนั่นแหละ) ร่ายซะยาว...กำลังอัดจะต่างกันนิดหน่อย เพราะลูกสูบของ b16b หัวสูงกว่า (ไฮโซ) กำลังจึงสูงกว่า นิดหน่อย แต่อยู่แถวๆ 11 กว่าๆ ต่อ 1 กระโปรงสูบเคลือบเทฟล่อนเหมือนกัน อ้อ ลูกสูบเป็นแบบกึ่งอัด forge ด้วยนะ น้ำหนักเบากว่าลูกสูบเดิมๆ ของ ฝาดำ... </span></p><p><span style="color: cyan">เพิ่มเติมนะครับ </span></p><p><span style="color: cyan">ใครที่จะประกบฝานะครับ ควรจะเปลี่ยนปั๊มน้ำด้วย เพราะปั๊มน้ำของ b20b เป็นแบบ 19 ฟัน ของ b16, 18 จะเป็นแบบ 22 ฟัน ซึ่งดูเผินๆ เหมือนว่าจะดี เพราะรอบปั๊มหมุนเร็วกว่า น้ำน่าจะระบายดีกว่า แต่...ถ้าน้ำหมุนเร็วเกินไปมันจะระบายความร้อนที่หม้อน้ำไม่ทัน ความร้อนยังไม่ทันที่จะระบายออกจากหม้อน้ำแล้ว แต่ต้องวนกลับไปที่เครื่องเพื่อรับความร้อนใหม่อีกแล้ว อาจจะเกิดความร้อนสะสมได้ แต่นั้นไม่เท่าไหร่ ขยายความจุหม้อน้ำใหม่ก็พอได้ ที่สำคัญก็คือ เมื่อเราใช้รอบสูงๆ ๆ ปั๊มน้ำจะหมุนในลักษณะ over speed อันอาจจะเกิดการ cativation (ฟองอากาศในระบบ) ทำให้การระบายความร้อนทำได้ไม่ดี น้ำระบายความร้อน ไม่เกิดการหมุนเวียนเนื่องจากติดฟองอากาศที่เกิดขึ้น และเกิด hot spot ขึ้นในห้องเผาไหม้ได้ จากนั้นความหายนะของเครื่องอาจจะมาเยือนได้ทุกเมื่อ และเมื่อเราลดรอบเครื่องลง ฟองอากาศจะเกิดการยุบตัวเกิดการการกระแทกของน้ำระบายความร้อน ทำให้ชิ้นส่วนที่น้ำไหลผ่านอย่างเช่น ปั๊มน้ำ ซีลต่างๆ หม้อน้ำ เกิดการกัดกร่อนทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งรั่วในที่สุด (ไม่ได้เห็นผลในทันที แต่ก็ทำให้ระบบสึกหรอเร็วกว่าปกติ) แต่ถ้าไม่ได้ใช้รอบสูงๆ ก็ไม่เป็นไรและ ถ้าใช้ ปั๊มน้ำของรุ่นไหน ก็ให้ใช้สายพานของรุ่นนั้นนะครับ อย่างเช่น ปั๊มน้ำของ b20b ก็ใช้สายพานไทม์มิ่งของ b20b ถ้าปั๊มน้ำของ b16,18 ก็ใช้สายพานของ b18 (ของ b16 สั้นไป)</span></p><p><span style="color: cyan">จำนวนฟันของสายพานไทม์มิ่ง </span></p><p><span style="color: cyan">B16A &gt; 124 ฟัน</span></p><p><span style="color: cyan">B18C &gt; 126 ฟัน</span></p><p><span style="color: cyan">B20B &gt; 125 ฟัน</span></p><p><span style="color: cyan">เบอร์สายพานเคยลงไปแล้ว กระทู้ไหนก็ไม่รู้ เร็วๆ นี้แหละ ใครอยากรู้ก็อีกก็ถามได้ จะได้รวมกันอยู่ที่เดียวกันเลยเรื่องปั๊มน้ำมันเครื่อง ผมลองเช็คเบอร์อะไหล่ดูแล้ว โชคดีครับ ปั๊มน้ำมันเครื่องเบอร์เดียวกับฝาแดง </span></p><p><span style="color: cyan">เมื่อเรามีท่อนล่างท่อนบนเรียบร้อย โดยอยู่บนสมมุติฐานว่าเป็นเครื่อง วีเทคอยู่แล้ว ก็ยกเครื่องออกมาแล้วก็ถอดฝาสูบออกมาจัดการทำเกลียวอุดรูน้ำมันเครื่องบนหน้าฝาสูบเพื่อไม่ให้น้ำมันเครื่องไหลออกมาเพราะ ที่เสื้อของ b20b จะไม่มีหน้าสัมผัสปิดรู หรือรูที่จะรับน้ำมันเครื่องที่ฝาของวีเทค </span></p><p><span style="color: cyan">จากนั้น ก็หาทางเอาปลั๊กเกลียวอุดรูน้ำมันเครื่องด้านใต้จานจ่าย หลังเครื่อง ฝั่งท่อไอดีออก แล้วใส่เกลียวสำหรับต่อท่อน้ำมันเครื่องเข้าไป </span></p><p><span style="color: cyan">บางอู่จะเอาฝาสูบไปเจาะขยายรูสำหรับใส่ dowel (ภาษาไทยเรียกว่าอะไรก็ไม่รู้) คือตัวบังคับให้ฝาสูบกับเสื้อสูบตรงอยู่ในแนวเดียวกันไม่ขยับไปมา ลักษณะเป็นทรงท่อสั้นๆ เนื่องจากว่าตำแหน่งของ dowel ของเครื่อง b20 กับเครื่อง vtec มันอยู่กันคนละตำแหน่งกัน</span></p><p><span style="color: cyan">อีกวิธีที่น่าจะดีกว่าเพราะไม่ต้องเจาะขยายรู ก็ให้กลึงตัว dowel ตัวใหม่ ให้มีลักษณะเป็นหยักลดขนาด (step) แล้วสวมลงไปในตำแหน่งเดิมของฝาสูบและต้องให้พอดีกับที่เสื้อสูบ ซึ่งฝรั่งเค้ามีชุดนี้ขาย แต่ของเรากลึงเอาน่าจะถูกว่าสั่งเข้ามา แต่วิธีเจาะน่าจะเป็นวิธีที่ถูกที่สุด (แต่ผมว่า ถ้าไม่มีการจับยึดที่ดีมันมีโอกาสเบี้ยวได้) ใครจะเอาฝาไปขัดทำพอร์ท หรือเปลี่ยนยางตีนวาวล์เปลี่ยนสปริง บดวาวล์ก็ทำเสียตรงนี้ได้เลย จะได้ไม่เสียเวลายกเข้ายกออกอีก</span></p><p><span style="color: cyan">สำหรับที่เสื้อสูบ ก็เตรียมการสำหรับเดินน้ำมันเครื่องไปเลี้ยงฝาสูบ แนะนำให้ใช้สาย แบบสายเทฟล่อนแสตนเลสถัก ประมาณเบอร์ 4 หรือ สายไฮดรอลิคทนแรงดันสูง แต่แนะนำแบบแรกมากกว่าราคาต่างกันไม่เท่าไหร่ เพราะมันสั้นแค่ 13-14 นิ้วเอง ทำหัวไว้สำหรับขันเข้ากับฝาสูบ อีกด้านเข้าสามตาที่ต่อมาจากตัววัดแรงดันน้ำมันเครื่อง ใกล้ๆ กับกรองน้ำมันเครื่อง แต่ก็แนะนำอีกว่าควรจะใช้อแด๊ปเตอร์ที่ต่อจากฐานกรองน้ำมันเครื่องจะดีกว่า สะดวกกว่า และ สามารถต่อพวกตัวเซนเซอร์วัดแรงดันน้ำมันเครื่อง อุณหภูมิน้ำมันเครื่องได้อีกด้วย ราคาตัวละประมาณไม่เกินพันบาทไทย ใครสนใจติดต่อมาเดี๋ยวไปเอามาให้ แต่หาไม่ยากหรอกมีขายเยอะแยะ ดีกว่าใช้สามตาตั้งเยอะ และไม่เสี่ยงที่สามตาจะแตกร้าวด้วยยิ่งโดยเฉพาะสามตาที่เป็นทองเหลืองเวลาร้อนจัดๆ มันชักจะออกอาการเนื้อทองเหลืองเปราะ ยิ่งถ้าต่อยาวๆหลายข้อต่อด้วยแล้วเวลาเครื่องสั่นสะเทือนมันจะแกว่งให้ข้อต่อร้าวได้ง่ายขึ้น</span></p><p><span style="color: cyan"><br /></span></p><p><span style="color: cyan"><br /></span></p><p><span style="color: cyan">ที่ลูกสูบ ตามที่ฝรั่งว่าไว้ ถ้าไม่ได้ใช้แคมลิฟสูงก็ไม่ต้องขุดหลบวาวล์เพิ่ม แต่ต้องไม่ advance แคมเพิ่ม แต่ผมว่าเพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน ให้แต่งช่องหลบวาวล์บนลูกสูบสักเล็กน้อยโดยเฉพาะด้านไอดี เพราะวาวล์ของ b20b จะเล็กกว่าของวีเทคอยู่ 2 มม. อาจจะมีการสะกิดกันได้ที่รอบสูงๆ ถ้าปลอกวาวล์เริ่มมีการสึกหรอ และถ้าจะเล่นกับแคมภายหลังจะได้ไม่ต้องถอดฝาออกมาทำอีก เดี๋ยวนี้แคมฝาแดงก็ราคาเริ่มลงเรื่อยแล้ว จากที่หมื่นกว่าบาท สามารถหาได้ต่ำกว่าหมื่นลงมาถึง 7-8 พันได้แล้ว และแคม street ที่คุณแดนขาย skunk2 เห็นเซลส์อยู่แค่แถวๆ หมื่นหกเอง</span></p><p><span style="color: cyan"><br /></span></p><p><span style="color: cyan">เพิ่มเติมเรื่องสปริงวาวล์หน่อยครับ ถ้าไม่ได้เบิกใช้ของฝาแดงหรือของแต่ง และอยากประหยัดงบ ให้เอาของด้านไอดี ย้ายมาใส่ด้านไอเสีย ก็จะได้ด้านไอเสียเป็นสปริงสองชั้น จากเดิมที่เป็นสปริงชั้นเดียว ส่วนด้านไอดีก็เอาของ b20 ด้านไอดีมาใช้เป็นตัวนอก ส่วนตัวในก็หาใหม่หรือเบิกใหม่เอา จะประหยัดไปได้อีกเยอะ เพราะ free length ของสปริงด้านไอดีของ b20 จะเยอะกว่าของสปริงสองชั้น นั่นก็หมายความว่ามันจะแข็งกว่า แต่ถ้าใช้แคมแต่งต้องดูด้วยนะครับว่าสปริงมันจะเอาไหวไหม เพราะถ้าลิฟสูงมากๆ สปริงอาจจะยันก็ได้ ทางที่ดีควรเป็นสปริงแต่งและรีเทนเนอร์แต่งไปด้วย</span></p><p><span style="color: cyan"><br /></span></p><p><span style="color: cyan">จากนั้นก็ทำการประกอบฝาเข้ากับเครื่อง น๊อตฝาสูบให้ใช้ของวีเทค เพราะของ b20b มันสั้นเกินไป ขันให้ได้ตามสเปคของเครื่องวีเทค ถ้าฝาเปิดมาหลายครั้งแล้วให้เปลี่ยนน๊อตฝาสูบไปเถอะครับ อย่าไปเสียดายเพราะน๊อตมันจะยืดค่าที่ขันเข้าไปมันจะไม่ได้ตามสเป็ค แล้วมันจะทำให้เกลียวในเสื้อสูบเสียด้วย และมันจะทำให้เกิดอาการที่เค้าเรียกว่าเกลียวถอน หรือน๊อตถอน นั่นก็คือเกลียวมันรูดเวลาอัดหนักๆ ครับ</span></p><p><span style="color: cyan">หรือถ้าใช้สตัดเกลียวแต่งของ ARP ก็ได้ครับหมดปัญหาไปเลย ใครอยากได้สั่งที่ผมก็ได้จะสั่งเข้ามาให้ หรือที่คุณแดนก็ได้ (ไม่เกี่ยวกันนะครับ ต่างคนต่างสั่ง)...</span></p><p><span style="color: cyan"><br /></span></p><p><span style="color: cyan">เสร็จแล้วก็เอาไปจูนรอมด้วยนะครับ อากาศมันเข้ามากกว่าเดิมต้องการน้ำมันที่มากกว่าเดิม หรืออย่างน้อยก็เพิ่มเร็กกูเลเตอร์เข้าไปอีกตัว แล้วเพิ่มแรงดันน้ำมันเข้าไปอีกหน่อย อย่างน้อยก็ 10% แต่ผมว่าจูนรอมถูกว่านะ เร็กกูเลเตอร์ของใหม่อย่างถูกๆ ก็สามพันกว่าบาทเข้าไปแล้ว จูนแบบ real time ได้เลย</span></p><p><span style="color: cyan"><br /></span></p><p><span style="color: cyan">สำหรับปั๊มเชื้อเพลิงใครไม่เคยเปลี่ยนมานานแล้วก็ เปลี่ยนซะเลย เอาของ j มาใส่ได้เลย แต่ต้องเลือกเอาตัวผอมนะครับ ของ j มันจะมีอยู่สองแบบ แบบอ้วนกับ แบบผอม สีดำๆ denso ผลิตให้เหมือนกัน เอามาใส่แทนกันได้เลย ปลั๊กเหมือนกัน แต่ของ j ขั้วไฟเล็กกว่า แต่ใช้กันได้ ตัวปั๊มยาวกว่าเล็กน้อย แต่ยัดกันได้ไม่ติดอะไร เวลาใส่ท่อยางก็หาน้ำมันมาทาๆ ซะหน่อยนะครับ จะได้ยัดได้ง่ายๆ เดียวท่อหักขึ้นมาต้องวิ่งไปหาซื้อกันใหม่อีก ส่วนกรองตรงปลายก็ถอดสลับกันได้เลยช่องตรงกันหมด ทำเองได้</span></p><p><span style="color: cyan">B20+B16</span></p><p><span style="color: cyan">การเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ B20B และใช้ฝา สูบ B16A ซึ่งเท่ากับว่า กลายเป็นเครื่องยนต์ 2000 ซีซี ที่มีระบบ VTEC </span></p><p><span style="color: cyan">การนำท่อนล่างของเครื่องยนต์ B20B มาใช้นั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะ ว่ามีผู้ทำแบบนี้มาค่อนข้างเยอะและก็สามารถวิ่งได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าจะนำไปวิ่ง เปรียบเทียบกันในแบบ 1/4 MILE ก็คงจะไม่ได้ เนื่องจากน้ำหนักตัวและเรื่อง ของอัตราทดเกียร์ที่แตกต่างกันมากเพราะเกียร์เดิมจากโรงงาน แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือเครื่องยนต์ที่สามารถขับใช้งานในชีวิต ประจำวันได้อย่างสบาย แอร์เย็น เครื่องเดินเรียบ มีระบบ VTEC ซึ่งช่วยให้การ ขับขี่มีความคล่องตัว และยังมีความแรงที่ได้จากความจุกระบอกสูบ 2000 ซีซี. ทำ ให้เครื่องยนต์มีพละกำลังในรอบต่ำดีกว่าเดิม </span></p><p><span style="color: cyan"><br /></span></p><p><span style="color: cyan">ท่อนล่าง B20B เดิมๆ ใส่เข้าไปเลยแก้ทางเดินน้ำมันเครื่องนิดเดียว</span></p><p><span style="color: cyan">เครื่องยนต์ตัวเดิมที่เคยใช้ในครั้งก่อนก็คือ ใช้ท่อนล่างของเครื่อง B18C ซึ่งเป็น เครื่องยนต์ขนาด 1800 ซีซี. มีขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก = 81.0 mm. x 87.2 mm. ทำให้เครื่องยนต์ที่ใช้กลายเป็นเครื่อง B18 ไปโดยอัตโนมัติ และในตอนนั้นก็มี ความแรงมากกว่าเครื่อง B16A อยู่มากแล้ว การปรับแต่งเครื่องยนต์เพิ่มเติมในครั้งนี้ ได้ทำการเพิ่มความจุของเครื่องยนต์ ขึ้นไปอีกด้วยการเปลี่ยนไปใช้ท่อนล่างของเครื่องยนต์ B20B เพื่อให้เครื่องยนต์ มีความจุ 2000 ซีซี. แต่ถ้าใช้เครื่องยนต์ B20B ทั้งตัวเลยก็จะกลายเป็นเครื่อง ยนต์ที่ไม่มีระบบ VTEC ไป จึงได้นำเครือ่งยนต์ B20B มาใช้แต่ท่อนล่างเท่านั้น ส่วนฝาสูบนั้น ใช้ฝาสูบของเครื่องB16A ที่มีระบบ VTEC อยู่เหมือนเดิม ท่อนล่าง B20B ที่เปลี่ยนเข้าไปไม่ได้มีการปรับแต่งเพิ่มเติมแต่อย่างใด ยังคง เป็นท่อนล่างของเครื่อง B20B ที่มาจากโรงงาน มีขนาดของเครื่องยนต์คือ กระบอกสูบ x ช่วงชัก = 84.0 mm. x 89.0 mm. และการที่จะนำฝาสูบของเครื่อง B16A ใส่เข้าไปนั้นก็สามาาถใส่เข้าไปได้เลย จะมีส่วนที่แตกต่างกันอยู่บ้างก็คือ เรื่องของรูน้ำมัน เครื่องที่จะต้องส่งจากเสื้อสูบไปเลี้ยงระบบ VTEC เพื่อเปิดให้ระ บบ VTEC ทำงาน ในระบบ VTEC นั้น มีการทำงานของกลไกต่างๆ โดยใช้แรงดันน้ำมันเครื่องเป็น ตัวผลักดัน แต่ว่าแรงดันน้ำมันเครื่องที่จะเข้าไปผลักดันกลไกของระบบ VTEC นั้นก็ยังมีระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นตัวควบคุมอีกทีหนึ่ง โดยมีกล่อง ECU เป็นตัว สั่งงาน ในเครื่อง B16A นั้นที่เสื้อสูบจะมีรูที่จะส่งน้ำมันเครื่องขึ้นไปยังฝาสูบ เพื่อนำไปใช้ ดันระบบกลไกของระบบ VTEC ให้ล็อคระบบ VTEC แต่เมื่อนำฝาสูบของเครื่อง B20B ที่ไม่มีระบบ VTEC มาใช้ก็จะไม่มีรูส่งน้ำมันเครื่อง ดังนั้นระบบ VTEC ก็จะไม่สามารถทำงานได้ รถที่ใช้งานประจำวัน การที่มีระบบ VTEC ไว้นั้น สามารถช่วยให้ขับใช้งานมีความ คล่องตัวขึ้นด้วยแคมชาฟท์คู่ที่ออกแบบไว้สำหรับการขับใช้งานในรอบเครื่องยนต์ ต่ำ ดังนั้นในกรณีนี้จึงต้องแก้ปัญหาให้เครื่องตัวนี้สามารถใช้ระบบ VTEC ได้ การแก้ปัญหาก็คือ จะต้องทำการต่อท่อน้ำมันเครื่องมาจากที่อื่นและส่งเข้าไปที่ฝา สูบ เพื่อไปใช้ระบบ VTEC ซึ่งได้ต่อมาจากสวิทช์น้ำมันเครื่องและส่งเข้าสู่ฝาสูบ ทางด้านข้างโดยสายสแตนเลสถัก ซึ่งจะต้องทำการเจาะและทำเกลียวที่ฝาสูบ </span></p><p><span style="color: cyan"><br /></span></p><p><span style="color: cyan">กล่อง ECU ลักษณะนิสัยของเครื่องตัวใหม่นี้จะต่างกับเครื่องตัวเดิมอยู่บ้าง เพราะว่ามีช่วงชัก ที่แตกต่างกัน ควาายาวก้านสูบก็แตกต่างกันด้วยโปรแกรมของกล่อง ECU ที่ใช้ควบคุมเครื่องยนต์ ก็น่าจะต่องทำการปรับแต่งใหม่ให้มีความสัมพันธ์กับเครื่องยนต์ได้ทำการปรับแต่งข้อมูลที่อยู่ภายใน ROM เพื่อให้มี ความเหมาะสมกับเครื่องยนต์ ข้อมูลใน ROM ตัวใหม่ ที่ปรับแต่งเข้ากับเครื่อง 2000 ซีซี. นั้น มีความแตกต่าง กับตอนที่อยู่ในตัวเครื่องเดิมที่เป็น 1800 ซีซี. มากพอสมควร ทั้งในเรื่องของการ จ่ายน้ำมันและองศาการจุดระเบิด ซึ่งในเรื่องขององศาการจุดระเบิดจะมีความ แตกต่างจากเดิมค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีองศาการจุดระเบิดที่ แก่กว่าหรืออ่อนกว่าเดิม เพราะว่าสิ่งที่แตกต่างก็คือในบางสภาวะอาจจะใช้องศา การจุดระเบิดอ่อนกว่าเดิม แต่ในบางสภาวะอาจจะต้องการองศาการจุดระเบิดแก่ กว่าเดิมก็ได้ การป้อนช้อมูลลงในกล่อง ECU นั้น สามารถป้อนข้อมูลได้ว่าในแต่ละรอบ และใน แต่ละ LOAD นั้นจะให้มีการจ่ายน้ำมันเท่าใด และจุดระเบิดที่ตำแหน่งใด ซึ่งง่าย กว่าสมัยที่เครื่องยนต์ยังใช้คาร์บูเรเตอร์อยู่มากทีเดียว อย่างเรื่องการจ่ายเชื้อ เพลิงนั้น สมัยที่เครื่องยนต์ใช้คาร์บูเรเตอร์เป็นเรื่องยากที่จะทำให้เครื่องยนต์ได้ รับเชื้อเพลิงที่พอดีในทุกๆ จุด ยิ่งระบบจุดระเบิดด้วยแล้ว ถึงแม้ว่าจะสามารถแก้ ไขลักษณะของการเร่งองศาการจุดระเบิดด้วยการปรับแต่งกลไกภายในได้ อย่าง เช่น ต้องการให้ไฟแก่ตั้งแต่ในรอบต้นๆ หรือต้องการให้ไฟแก่ในรอบสูงๆ เท่านั้น แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะปรับแต่งแต่ละครั้ง เพราะว่าต้องรื้อจานจ่ายออกมา </span></p><p><span style="color: cyan"><br /></span></p><p><span style="color: cyan">วัดแรงม้าอีกครั้ง เพิ่มจากเดิมนิดเดียว </span></p><p><span style="color: cyan">หลังจากที่วัดแรงม้าออกมาแล้ว ปรากฏว่าแรงม้าที่ได้ออกมาจากเครื่องยนต์ 2000 ซีซี. มากกว่าของเดิมที่เป็นเครื่องยนจ์ 1800 ซีซี. ไม่มากนัก คือ ได้แรงม้าสูงสุด ออกมา 172.1 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 17.1 kg-m ต่างกับของเดิมน้อยมาก แต่จุดที่น่าสังเกตคือ ลักษณะกราฟแรงม้าที่ได้จากทั้งสองครั้งนั้นเกือบจะทับเป็น เส้นเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าลักษณะนิสัยของเครื่องยนต์ตัวนี้ยังคงเหมือนเดิมเรื่องของเลขม้าที่ออกมามากกว่าเดิมเพียงเล็กน้อย อาจเป็นเพราะปัจจัยในเรื่อง ของอุณหภูมิอากาศที่แตกต่างในการวัดแต่ละครั้งก็เป็นได้ เพราะการวัดได้ครั้ง หลังนั้น ห่างกันค่อนข้างนาน หรือถ้าคิดอีกแบบหนึ่งว่าแรงม้าที่วัดได้ครั้งหลังนั้น มากกว่าเดิมเท่านี้จริงๆ ก้อาจเป็นเพราะว่าขนาดวาล์วที่โตเท่าเดิมอยู่ เพราะการ ที่เครื่องยนต์จะมีแรงม้าเพิ่มนั้น ต้องสามารถประจุอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ได้มาก ด้วย ถ้าเริ่มต้นด้วยเครื่อง B16 ไปเป็น B18 นั้นจะใช้ลูกสูบที่ขนาดเท่ากัน แต่ว่า มีความแตกต่างอยู่ที่ช่วงชักคือจาก 77.4 mm. ไปเป็น 87.2 mm. การที่ช่วงชักยาว ขึ้น ทำให้สามารถดูดไอดีได้ยางขึ้น แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นเครื่อง B20B นั้น ช่วงชัก เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย คือเพิ่มเป็น 89.0 mm. แต่สิ่งที่เพิ่มจากลูกสูบจาก 81.0 mm. ไปเป็น 84.0 mm. ซึ่งอาจทำให้ขนาดของวาล์วมาเป็นตัวกำหนดปริมาณอากาศที่ เข้าสู่เครื่องยนต์</span>[/QUOTE]</p><p><br /></p>

• เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
• เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
• เข้าสู่ระบบด้วย Google

ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:

คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?

• ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
• มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
• ลืมรหัสผ่านของคุณ?

อยู่ในระบบตลอดเวลา

• X