เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Honda Car Clubs
>
EK Group
>
จริงหรือ...วันผลิตมีผลต่อประสิทธิภาพของยาง
>
ตอบกลับหัวข้อ
ชื่อ:
การตรวจสอบ:
กรุณาเปิดใช้งานจาวาสคริปต์เพื่อดำเนินการต่อ
กำลังโหลด...
ข้อความ:
<p>[QUOTE="NUS.EK, post: 1647263, member: 57985"]<font size="4"><span style="color: yellow">เป็นความจริงที่ว่า เจ้าของรถมักให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อยางเป็นพิเศษ เพราะยางมีส่วนอย่างมากกับความปลอดภัยใน</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow">การขับขี่ ผู้ใช้รถจึงต้องการยางที่มีสมรรถนะในการยึดเกาะถนนได้ดีสามารถทนความร้อนและแรงเสียดทานได้แต่ในขณะเดียวกัน </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow">เจ้าของรถหลายรายยังคงมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการเลือกซื้อยาง อันมีสาเหตุมาจากการได้รับฟัง หรือได้อ่านเรื่องราวความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับอายุการผลิตยาง ทำให้เจ้าของรถในเมืองไทยจำนวนไม่น้อย คำนึงถึงวันผลิตที่อยู่บนแก้มยางหรือ DOT แทนที่จะให้ความสำคัญกับยางคุณภาพที่เหมาะกับประเภทรถและการใช้งาน </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"> จากการศึกษาและวิจัยจากหน่วยงานภาครัฐบาลและบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศพบว่า แท้จริงแล้ว วันผลิตของยางไม่ได้มีผลกับสมรรถภาพของยางอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะโดยปกติยางที่ผลิตออกมานั้น เมื่อมีการจัดเก็บที่ดีพอ เช่น การเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสมและยังไม่ได้เริ่มใช้งาน ก็จะสามารถเก็บยางเส้นนั้นๆ ได้เป็นเวลาหลายปีโดยไม่เสื่อมสภาพ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"> ดังนั้นจะเห็นได้จากตัวอย่างหนึ่งของการทดสอบโดย กรมคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศเกาหลีใต้ เพื่อพิสูจน์ระดับความปลอดภัยในการใช้ยาง ระหว่างยางที่ผลิตใหม่และยางที่ผลิตย้อนหลังไปสามปี ( พ.ศ. 2548 - พ.ศ. 2550 ) ด้วยการทดสอบแบบ </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow">KSM6750 โดยเกี่ยวกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงและการขับขี่แบบหยุดเป็นระยะได้ผลลัพธ์ที่ออกมาพบว่า แม้วันที่ผลิตยางจะแตกต่างกัน แต่ประสิทธิภาพและสมรรถนะของยางไม่ต่างกัน</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"> นอกจากนี้ กรมคมนาคมของประเทศสหรัฐอเมริกา ยังเคยตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับ " ประสิทธิภาพของยางหลังเติมลมแล้ว </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow">( The Pneumatic Tier )" ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 โดยระบุความร้อนที่เกิดขึ้นขณะที่ยางมีการใช้งาน คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยางเสื่อมสภาพ ยางรถยนต์ที่วิ่งด้วยความเร็ว 120 ก.ม.ต่อชั่วโมง สามารถทำให้เกิดอุณหภูมิที่หน้ายางสูงขึ้นถึง 75 องศาเซลเซียส แต่หากความดันในลมยางน้อยกว่าปกติ ( เช่นยางแบน )ก็จะยิ่งทำให้ความร้อนหน้ายางสูงมากกว่าที่ควรจะเป็นด้วย ดังนั้น อุณหภูมิในโกดังที่จัดเก็บยางรถยนต์ก่อนใช้งานจริงจึงมีผลต่อคุณภาพของเนื้อยางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับความร้อนที่เกิดจากแรงเสียดสีเมื่อนำยางไปใช้ในการขับขี่จริง เพราะโดยทั่วไปนั้น ยางที่ยังไม่ได้ถูกนำไปใช้งาน สามารถเก็บได้เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปีก่อนการใช้งานจริง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเก็บรักษาจากคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิต</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"> อีกตัวอย่างหนึ่งที่ได้จากการทดสอบของประเทศในฝั่งยุโรป โดยองค์กร ADAC ซึ่งเป็นหน่วยงานเพื่อผู้ขับขี่รถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี ได้พิสูจน์เรื่องสมรรถนะของยางเอาไว้ในเดือน มิถุนายน 2553 โดยได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพยางรถยนต์ที่ผลิตใน พ.ศ. 2550 และ พ.ศ. 2547 สำหรับการขับขี่ในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อน ซึ่งผลการทดสอบก็ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า ยางที่ผลิตใหม่จะมีสมรรถนะเหนือกว่ายางที่ผลิตมานานกว่า</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"> ขณะเดียวกัน ทางประเทศไทยเอง ก็มีหน่วยงานภาควิชาการที่ได้ทำการทดสอบในลักษณะเดียวกันโดย คณะวิทยาศาสตร์ </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow">มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ TUV Rheinland Group Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำหน้าที่ทดสอบและให้การรับรองคุณภาพแก่ผลิตภัณฑ์และสินค้าของบริษัทชั้นนำทั่วโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศเยอรมนี ทำการทดสอบเพื่อหาข้อพิสูจน์ว่า ในสภาพแวดล้อมประเทศไทยนั้น สมรรถนะของยางที่ผลิตใหม่กับยางที่ผลิตมานานกว่าจะมีความแตกต่างกันในด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยหรือไม่ จึงได้นำยางรถยนต์ที่มีวันผลิตต่างกันหนึ่งปี ไปทดสอบการใช้งาน โดยขับขี่ด้วยความเร็ว 230 กิโลเมตรต่อชั่งโมง </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow">ในระยะเวลาที่ต่อเนื่องนาน 60 นาที ผลที่ได้จากการทดสอบพบว่ามีความแตกต่างไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซนต์ รวมทั้งยังมีความสามารถสำหรับการบรรทุกและวิ่งเป็นระยะทางไกล ตลอดจนความแข็งแรงของหน้ายางและโครงสร้างยางไม่แตกต่างกัน ทั้งๆ ที่วันผลิตยางนั้นห่างกันถึงหนึ่งปี นอกจากนั้น TUV Rheinland Group Ltd. ยังได้ทำการทดสอบว่า วันที่ของการผลิตที่แตกต่างกันจะมีผลส่งต่อสมรรถนะของยางในด้านความสามารถในการเกาะถนน การควบคุมการขับขี่และการเบรคของยางหรือไม่ โดย TUV Rheinland</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow">Ltd. ได้ทำการทดสอบระยะเบรค ที่ความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจนกระทั่งหยุดนิ่ง ณ สนามแข่งรถ จ. ปทุมธานี ผลการทดสอบพบว่ายางที่มีวันที่ของการผลิตแตกต่างกันมีความสามารถในการเกาะถนน การควบคุมการขับขี่และเบรคใกล้เคียงกันมากจนแทบจะไม่มีความแตกต่าง นาย ชูเดช ดีประเสริฐกุล อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow">" ยางที่มีวันผลิตต่างกันสองถึงสามปีจะให้สมรรถนะและประสิทธิภาพในการขับขี่ในระดับที่ไม่แตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขึ้นอยู่กับการจัดเก็บรักษายางในร้านด้วยว่ามีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม รวนถึงไม่โดนแดด เพราะอาจจะทำให้หน้ายางมีความยืดหยุ่นน้อยลงและแข็งขึ้น ดังนั้น การเลือกซื้อยางในร้านที่เชื่อถือได้จึงมีความสำคัญ แทนที่จะคำนึงเรื่องวันเดือนปีที่ผลิตเป็นหลัก" </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"> "ส่วนความเชื่อที่ว่ายางรุ่นเดียวกันถ้ายิ่งผลิตใหม่ที่สุดก็จะทำให้ได้รับยางที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้นและมีมีวัตถุดิบที่ดีขึ้นก็ไม่ได้รับการยืนยันเพราะยางในแต่ละรุ่นนั้นจะมีการใช้วัตถุดิบและเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน บางครั้งยางที่ผลิตก่อนอาจจะมีความเหนียวของยางมากกว่า ซึ่งทำให้การขับขี่มีสมรรถนะยิ่งขึ้น สำหรับคำแนะนำในการเลือกซื้อยางสำหรับผู้ขับขี่ชาวไทย คือ ต้องเลือกยางที่เหมาะสมกับการใช้งานและขนาดของล้อ ส่วนวันที่ผลิตนั้นไม่ถือเป็นสิ่งที่มีผลโดยตรงต่อการเสื่อมสภาพของยางแต่อย่างใด"</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow">นาย ชูเดช กล่าว สรุป </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"> ในการเลือกยางครั้งต่อไป อย่าเสียเวลาหรือกังวลไปกับการหาซื้อยางที่มีวันผลิตใหม่ที่สุด ควรจะหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ และการดูแลรักษายางอย่างสม่ำเสมอจะดีกว่า</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"> พิมพ์มาตั้งนานเห็นมีประโยชน์และเสริมความรู้ดี จึงนำมาฝากเพื่อนๆและน้องๆครับ ได้มาจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow">หวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยจะได้ไม่ต้องไปเถียงกัน ครับ สรุป ยางดี อายุการใช้งานนาน อยู่ที่การใช้และดูแลรักษา ครับ</span></font>[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="NUS.EK, post: 1647263, member: 57985"][SIZE="4"][COLOR="yellow"]เป็นความจริงที่ว่า เจ้าของรถมักให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อยางเป็นพิเศษ เพราะยางมีส่วนอย่างมากกับความปลอดภัยใน การขับขี่ ผู้ใช้รถจึงต้องการยางที่มีสมรรถนะในการยึดเกาะถนนได้ดีสามารถทนความร้อนและแรงเสียดทานได้แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าของรถหลายรายยังคงมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการเลือกซื้อยาง อันมีสาเหตุมาจากการได้รับฟัง หรือได้อ่านเรื่องราวความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับอายุการผลิตยาง ทำให้เจ้าของรถในเมืองไทยจำนวนไม่น้อย คำนึงถึงวันผลิตที่อยู่บนแก้มยางหรือ DOT แทนที่จะให้ความสำคัญกับยางคุณภาพที่เหมาะกับประเภทรถและการใช้งาน จากการศึกษาและวิจัยจากหน่วยงานภาครัฐบาลและบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศพบว่า แท้จริงแล้ว วันผลิตของยางไม่ได้มีผลกับสมรรถภาพของยางอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะโดยปกติยางที่ผลิตออกมานั้น เมื่อมีการจัดเก็บที่ดีพอ เช่น การเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสมและยังไม่ได้เริ่มใช้งาน ก็จะสามารถเก็บยางเส้นนั้นๆ ได้เป็นเวลาหลายปีโดยไม่เสื่อมสภาพ ดังนั้นจะเห็นได้จากตัวอย่างหนึ่งของการทดสอบโดย กรมคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศเกาหลีใต้ เพื่อพิสูจน์ระดับความปลอดภัยในการใช้ยาง ระหว่างยางที่ผลิตใหม่และยางที่ผลิตย้อนหลังไปสามปี ( พ.ศ. 2548 - พ.ศ. 2550 ) ด้วยการทดสอบแบบ KSM6750 โดยเกี่ยวกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงและการขับขี่แบบหยุดเป็นระยะได้ผลลัพธ์ที่ออกมาพบว่า แม้วันที่ผลิตยางจะแตกต่างกัน แต่ประสิทธิภาพและสมรรถนะของยางไม่ต่างกัน นอกจากนี้ กรมคมนาคมของประเทศสหรัฐอเมริกา ยังเคยตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับ " ประสิทธิภาพของยางหลังเติมลมแล้ว ( The Pneumatic Tier )" ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 โดยระบุความร้อนที่เกิดขึ้นขณะที่ยางมีการใช้งาน คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยางเสื่อมสภาพ ยางรถยนต์ที่วิ่งด้วยความเร็ว 120 ก.ม.ต่อชั่วโมง สามารถทำให้เกิดอุณหภูมิที่หน้ายางสูงขึ้นถึง 75 องศาเซลเซียส แต่หากความดันในลมยางน้อยกว่าปกติ ( เช่นยางแบน )ก็จะยิ่งทำให้ความร้อนหน้ายางสูงมากกว่าที่ควรจะเป็นด้วย ดังนั้น อุณหภูมิในโกดังที่จัดเก็บยางรถยนต์ก่อนใช้งานจริงจึงมีผลต่อคุณภาพของเนื้อยางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับความร้อนที่เกิดจากแรงเสียดสีเมื่อนำยางไปใช้ในการขับขี่จริง เพราะโดยทั่วไปนั้น ยางที่ยังไม่ได้ถูกนำไปใช้งาน สามารถเก็บได้เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปีก่อนการใช้งานจริง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเก็บรักษาจากคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิต อีกตัวอย่างหนึ่งที่ได้จากการทดสอบของประเทศในฝั่งยุโรป โดยองค์กร ADAC ซึ่งเป็นหน่วยงานเพื่อผู้ขับขี่รถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี ได้พิสูจน์เรื่องสมรรถนะของยางเอาไว้ในเดือน มิถุนายน 2553 โดยได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพยางรถยนต์ที่ผลิตใน พ.ศ. 2550 และ พ.ศ. 2547 สำหรับการขับขี่ในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อน ซึ่งผลการทดสอบก็ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า ยางที่ผลิตใหม่จะมีสมรรถนะเหนือกว่ายางที่ผลิตมานานกว่า ขณะเดียวกัน ทางประเทศไทยเอง ก็มีหน่วยงานภาควิชาการที่ได้ทำการทดสอบในลักษณะเดียวกันโดย คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ TUV Rheinland Group Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำหน้าที่ทดสอบและให้การรับรองคุณภาพแก่ผลิตภัณฑ์และสินค้าของบริษัทชั้นนำทั่วโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศเยอรมนี ทำการทดสอบเพื่อหาข้อพิสูจน์ว่า ในสภาพแวดล้อมประเทศไทยนั้น สมรรถนะของยางที่ผลิตใหม่กับยางที่ผลิตมานานกว่าจะมีความแตกต่างกันในด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยหรือไม่ จึงได้นำยางรถยนต์ที่มีวันผลิตต่างกันหนึ่งปี ไปทดสอบการใช้งาน โดยขับขี่ด้วยความเร็ว 230 กิโลเมตรต่อชั่งโมง ในระยะเวลาที่ต่อเนื่องนาน 60 นาที ผลที่ได้จากการทดสอบพบว่ามีความแตกต่างไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซนต์ รวมทั้งยังมีความสามารถสำหรับการบรรทุกและวิ่งเป็นระยะทางไกล ตลอดจนความแข็งแรงของหน้ายางและโครงสร้างยางไม่แตกต่างกัน ทั้งๆ ที่วันผลิตยางนั้นห่างกันถึงหนึ่งปี นอกจากนั้น TUV Rheinland Group Ltd. ยังได้ทำการทดสอบว่า วันที่ของการผลิตที่แตกต่างกันจะมีผลส่งต่อสมรรถนะของยางในด้านความสามารถในการเกาะถนน การควบคุมการขับขี่และการเบรคของยางหรือไม่ โดย TUV Rheinland Ltd. ได้ทำการทดสอบระยะเบรค ที่ความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจนกระทั่งหยุดนิ่ง ณ สนามแข่งรถ จ. ปทุมธานี ผลการทดสอบพบว่ายางที่มีวันที่ของการผลิตแตกต่างกันมีความสามารถในการเกาะถนน การควบคุมการขับขี่และเบรคใกล้เคียงกันมากจนแทบจะไม่มีความแตกต่าง นาย ชูเดช ดีประเสริฐกุล อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า " ยางที่มีวันผลิตต่างกันสองถึงสามปีจะให้สมรรถนะและประสิทธิภาพในการขับขี่ในระดับที่ไม่แตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขึ้นอยู่กับการจัดเก็บรักษายางในร้านด้วยว่ามีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม รวนถึงไม่โดนแดด เพราะอาจจะทำให้หน้ายางมีความยืดหยุ่นน้อยลงและแข็งขึ้น ดังนั้น การเลือกซื้อยางในร้านที่เชื่อถือได้จึงมีความสำคัญ แทนที่จะคำนึงเรื่องวันเดือนปีที่ผลิตเป็นหลัก" "ส่วนความเชื่อที่ว่ายางรุ่นเดียวกันถ้ายิ่งผลิตใหม่ที่สุดก็จะทำให้ได้รับยางที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้นและมีมีวัตถุดิบที่ดีขึ้นก็ไม่ได้รับการยืนยันเพราะยางในแต่ละรุ่นนั้นจะมีการใช้วัตถุดิบและเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน บางครั้งยางที่ผลิตก่อนอาจจะมีความเหนียวของยางมากกว่า ซึ่งทำให้การขับขี่มีสมรรถนะยิ่งขึ้น สำหรับคำแนะนำในการเลือกซื้อยางสำหรับผู้ขับขี่ชาวไทย คือ ต้องเลือกยางที่เหมาะสมกับการใช้งานและขนาดของล้อ ส่วนวันที่ผลิตนั้นไม่ถือเป็นสิ่งที่มีผลโดยตรงต่อการเสื่อมสภาพของยางแต่อย่างใด" นาย ชูเดช กล่าว สรุป ในการเลือกยางครั้งต่อไป อย่าเสียเวลาหรือกังวลไปกับการหาซื้อยางที่มีวันผลิตใหม่ที่สุด ควรจะหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ และการดูแลรักษายางอย่างสม่ำเสมอจะดีกว่า พิมพ์มาตั้งนานเห็นมีประโยชน์และเสริมความรู้ดี จึงนำมาฝากเพื่อนๆและน้องๆครับ ได้มาจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง หวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยจะได้ไม่ต้องไปเถียงกัน ครับ สรุป ยางดี อายุการใช้งานนาน อยู่ที่การใช้และดูแลรักษา ครับ[/COLOR][/SIZE][/QUOTE]
เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
เข้าสู่ระบบด้วย Google
ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:
คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?
ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
ลืมรหัสผ่านของคุณ?
อยู่ในระบบตลอดเวลา
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Honda Car Clubs
>
EK Group
>
จริงหรือ...วันผลิตมีผลต่อประสิทธิภาพของยาง
>
X
หน้าแรก
หน้าแรก
Quick Links
โพสต์ล่าสุด
กิจกรรมล่าสุด
ผู้เขียน
ฟอรั่ม
ฟอรั่ม
Quick Links
ค้นหาฟอรั่ม
โพสต์ล่าสุด
ประกาศซื้อขาย
ประกาศซื้อขาย
Quick Links
ค้นหาประกาศซื้อขาย
กิจกรรมล่าสุด
ผู้ค้าขายคะแนนสูงสุด
สื่อ/วิดีโอ
สื่อ/วิดีโอ
Quick Links
Search Media
New Media
สมาชิก
สมาชิก
Quick Links
สมาชิกที่โดดเด่น
สมาชิกที่ลงทะเบียน
ผู้ใช้งานในขณะนี้
กิจกรรมล่าสุด
โพสต์ข้อมูลส่วนตัวใหม่
เมนู
ค้นหาเฉพาะชื่อ
โพสต์โดยสมาชิก:
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ใหม่กว่า:
ค้นหาเฉพาะหัวข้อนี้
ค้นหาเฉพาะฟอรั่มนี้
แสดงผลเป็นหัวข้อ
การค้นหาที่มีประโยชน์
โพสต์ล่าสุด
เพิ่มเติม...