เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Nissan Car Clubs
>
Sunny Thailand
>
ใช้น้ำยาคูลแลนท์ ดีไหม???
>
ตอบกลับหัวข้อ
ชื่อ:
การตรวจสอบ:
กรุณาเปิดใช้งานจาวาสคริปต์เพื่อดำเนินการต่อ
กำลังโหลด...
ข้อความ:
<p>[QUOTE="Pee, post: 1973575, member: 101741"]เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับน้ำยาหล่อเย็นหม้อน้ำ</p><p><br /></p><p><br /></p><p> เรื่องของการเกิดโอเวอร์ฮีทในรถยนต์ซึ่งถ้าจะว่ากันตามจริงแล้วไม่ใช่แค่รถ ยนต์เท่านั้นที่จะโอเวอร์ฮีท รถปิคอัพและอื่น ๆ ที่ใช้ระบบการระบายร้อนด้วยน้ำ โดยมีหม้อน้ำและอาศัยลมเป็นตัวช่วยระบายความร้อน (เช่น พัดลมหม้อน้ำ) โอกาสที่จะเกิดโอเวอร์ฮีทมีเท่าเทียมกันหมด ดังนั้นผู้ใช้รถจำนวนมากในปัจจุบัน จึงให้ความสนใจกับการใช้น้ำยาหล่อเย็นหม้อน้ำกันมากขึ้น โดยน้ำยาในท้องตลาดมีจำหน่ายอยู่มากมายหลายยี่ห้อด้วยกัน มีทั้งนำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในประเทศ โดยวัตถุประสงค์หลัก ๆ ของน้ำยานี้ใช้เติมลงในหม้อน้ำเพื่อป้องกันการแข็งตัวและช่วยระบายความร้อน ของน้ำในหม้อน้ำ (ANTIFREEZE & COOLANT) ส่วนใหญ่จะใช้สารเคมีที่ชื่อว่า ETHYLENE GLYCOL เป็นส่วนประกอบ</p><p><br /></p><p>ETHYLENE GLYCOL นั้นมีจุดเดือดสูงกว่าน้ำถึงสองเท่าตัว(197.3 °C) ไม่มีสี มีรสหวาน แต่เป็นพิษ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ใช้ระบายความร้อนของเครื่องบิน ปัจจุบัน ETHYLENE GLYCOL ถูกทำให้จือจางลงใน ANTIFREEZE & COOLANT เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้ในรถยนต์ โดยเฉพาะในรถยนต์ใหม่ ๆ ที่ออกมาจากโรงงานนั้น จะมีส่วนผสมของน้ำยานี้อยู่ถึง 50% นั่นหมายถึงถ้าหากว่าหม้อน้ำมีขนาดความจุประมาณ 5 ลิตรก็จะมีน้ำยาผสมมา 2.5 ลิตร โดยเจ้าน้ำยานี้หากผสมกับน้ำในอัตราส่วน 30:70 (ANTIFREEZE & COOLANT 30 %น้ำ 70%) จุดเดือดของน้ำจะเพิ่มขึ้นเป็น 120 องศาเลยทีเดียว</p><p><br /></p><p> เมื่อ รถยนต์ผ่านการใช้งานไปผู้ใช้มักไม่คำนึงอัตราส่วนเหล่านี้นัก บางคนไม่ทราบเลยด้วยซ้ำ รู้แต่เติมน้ำยา 1 กระป๋อง หรือ 1 ขวด (แล้วแต่การบรรจุของแต่ละยี่ห้อ) ลงในหม้อน้ำเวลามีการเปลี่ยนหม้อน้ำ หรือ เวลามีการเปลี่ยนถ่ายน้ำในหม้อน้ำแค่นั้นก็เพียงพอแล้วในความเป็นจริงนั้น น้ำยาเหล่านี้ไม่ได้ช่วยในการระบายความร้อนเท่าไร แต่ทำให้จุดเดือดของน้ำที่มีน้ำยานี้ผสมอยู่สูงขึ้น น้ำก็เลยเดือดช้าลง ทว่าคุณสมบัติด้านอื่นของน้ำยานี้ที่ต้องยอมรับว่ามีความจำเป็นสำหรับหม้อ น้ำนั้นคือการป้องกันสนิมและ การกัดกร่อน เพราะหม้อน้ำของรถยนต์โดยเฉพาะในยุคสมัยนี้ นิยมทำจากอะลูมิเนียม ซึ่งสามารถเกิดตะกรันและเกิดการกัดกร่อนได้ง่าย สังเกตได้จากการลองถอดท่อยางที่ต่อจากหม้อพักน้ำดูก็ได้ จะพบว่ามีคราบและร่องรอยของการเกิดตะกรัน ในบางคันอาจถูกกัดกร่อนจนผุแหว่ง ซึ่งจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดการอุดตันของหม้อน้ำและทางเดินน้ำ อันจะนำสู่ปัญหาของการระบายความร้อน ทำให้เกิดการโอเวอร์ฮีทได้ </p><p><br /></p><p>ETHYLENE GLYCOL เป็นสารที่มีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต หากเกิดการดื่มกินเข้าไปแม้ปริมาณเพียงเล็กน้อยจะไปออกฤทธิ์ต่อไตทำให้เกิด อาการไตวายและอาจเสียชีวิตได้ แต่เพราะคุณสมบัติหลัก ๆ ที่สำคัญมีความจำเป็นต่อเครื่องยนต์ทำให้มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยที่คุณสมบัติในการป้องกันการเกิดสนิมและการกัดกร่อนนั้นสามารถครอบคลุม ได้หมด แม้ว่าชุดระบายความร้อนจะประกอบไปด้วยอะลูมิเนียม ทองแดง เหล็กเหนียว เหล็กหล่อ หรือแม้แต่ตะกั่วบัดกรีก็ตาม</p><p><br /></p><p>เมื่อมีทั้ง ประโยชน์และอันตรายควบคู่กัน การเก็บรักษาจึงควรระมัดระวัง โดยจัดเก็บให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง เพราะอุปกรณ์บำรุงรักษารถยนต์นั้นมักถูกมองว่าไม่มีอันตรายซึ่งยังไม่ถูก ต้องนัก</p><p><br /></p><p>ยังมีสารอีกชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ ETHYLENE GLYCOL และกำลังถูกพัฒนาเพื่อที่จะนำมาใช้ทดแทน ETHYLENE GLYCOL นั่นคือ PROPYLENE GLYCOL เพราะเหตุว่ามีอันตรายน้อยกว่านั่นเอง ในอนาคตเราคงมีทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับน้ำยาระบายความร้อนหม้อน้ำ</p><p><br /></p><p>น้ำยา ระบายความร้อนหม้อน้ำ (ANTIFREEZE & COOLANT) ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเครื่องยนต์อยู่ดี และเมื่อรับรู้ถึงอันตรายอันอาจเกิดขึ้นได้ ในการใช้ครั้งต่อไปก็เพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นกว่าเดิมนะครับ</p><p><br /></p><p><br /></p><p>หน้าที่หลักๆขอน้ำยาหม้อน้ำคือ</p><p>1ป้องกันน้ำในระบบแข็งตัวเป็นน้ำแข็งในจังหวะสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ๆ (เมืองนอกที่อากาศติดลบทั้งหลาย)</p><p>2เพิ่มจุดเดือดน้ำ คือชลอการระเหยของน้ำในระบบหล่อเย็นเวลาเครื่องยนต์ร้อนจัด (ข้อนี้สำหรับเมืองร้อนด้วย)</p><p>เพราะเวลาน้ำเดือดน้ำจะระเหยกลายเป็นไอ ลองต้มน้ำในหม้อดูสิครับ น้ำเปล่าเริ่มระเหยเป็นไอที่ 100C ํ</p><p>ถ้าผสมน้ำยาก็จะระเหยที่ 105 / 110 / 115 องศาเซลเซียส ....ตามสัดส่วนการผสม...</p><p>3ป้องกันการเกิดสนิม ตะกอน พอมีสนิมก็ผุ กร่อน.มีตะกอน.(ลดความเสี่ยงในการอุดตันในหลอดน้ำที่รังผึ้งหม้อน้ำ)</p><p>4หล่อลื่นปั๊มน้ำและซีลปั๊มน้ำ และวาล์วน้ำ (อันนี้เกี่ยวเนี่องจากข้อ3 เพราะไม่มีตะกรัน ตะกอน)</p><p><br /></p><p><br /></p><p>น้ำยาหล่อเย็น บางยี่ห้อ เป็นน้ำยาหล่อเย็นแบบผสมสำเร็จรูป ซึ่งมีอัตราความเข้มข้นในอัตราส่วน 50:50 จึงมีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนสูง</p><p><br /></p><p>เหมาะกับสภาพอากาศและสภาพการจราจรในเมืองไทย ที่เครื่องยนต์มีการทำงานอยู่ในอุณหภูมิที่สูงอยู่ตลอดเวลา และต้องการการระบายความร้อนเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพ[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="Pee, post: 1973575, member: 101741"]เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับน้ำยาหล่อเย็นหม้อน้ำ เรื่องของการเกิดโอเวอร์ฮีทในรถยนต์ซึ่งถ้าจะว่ากันตามจริงแล้วไม่ใช่แค่รถ ยนต์เท่านั้นที่จะโอเวอร์ฮีท รถปิคอัพและอื่น ๆ ที่ใช้ระบบการระบายร้อนด้วยน้ำ โดยมีหม้อน้ำและอาศัยลมเป็นตัวช่วยระบายความร้อน (เช่น พัดลมหม้อน้ำ) โอกาสที่จะเกิดโอเวอร์ฮีทมีเท่าเทียมกันหมด ดังนั้นผู้ใช้รถจำนวนมากในปัจจุบัน จึงให้ความสนใจกับการใช้น้ำยาหล่อเย็นหม้อน้ำกันมากขึ้น โดยน้ำยาในท้องตลาดมีจำหน่ายอยู่มากมายหลายยี่ห้อด้วยกัน มีทั้งนำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในประเทศ โดยวัตถุประสงค์หลัก ๆ ของน้ำยานี้ใช้เติมลงในหม้อน้ำเพื่อป้องกันการแข็งตัวและช่วยระบายความร้อน ของน้ำในหม้อน้ำ (ANTIFREEZE & COOLANT) ส่วนใหญ่จะใช้สารเคมีที่ชื่อว่า ETHYLENE GLYCOL เป็นส่วนประกอบ ETHYLENE GLYCOL นั้นมีจุดเดือดสูงกว่าน้ำถึงสองเท่าตัว(197.3 °C) ไม่มีสี มีรสหวาน แต่เป็นพิษ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ใช้ระบายความร้อนของเครื่องบิน ปัจจุบัน ETHYLENE GLYCOL ถูกทำให้จือจางลงใน ANTIFREEZE & COOLANT เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้ในรถยนต์ โดยเฉพาะในรถยนต์ใหม่ ๆ ที่ออกมาจากโรงงานนั้น จะมีส่วนผสมของน้ำยานี้อยู่ถึง 50% นั่นหมายถึงถ้าหากว่าหม้อน้ำมีขนาดความจุประมาณ 5 ลิตรก็จะมีน้ำยาผสมมา 2.5 ลิตร โดยเจ้าน้ำยานี้หากผสมกับน้ำในอัตราส่วน 30:70 (ANTIFREEZE & COOLANT 30 %น้ำ 70%) จุดเดือดของน้ำจะเพิ่มขึ้นเป็น 120 องศาเลยทีเดียว เมื่อ รถยนต์ผ่านการใช้งานไปผู้ใช้มักไม่คำนึงอัตราส่วนเหล่านี้นัก บางคนไม่ทราบเลยด้วยซ้ำ รู้แต่เติมน้ำยา 1 กระป๋อง หรือ 1 ขวด (แล้วแต่การบรรจุของแต่ละยี่ห้อ) ลงในหม้อน้ำเวลามีการเปลี่ยนหม้อน้ำ หรือ เวลามีการเปลี่ยนถ่ายน้ำในหม้อน้ำแค่นั้นก็เพียงพอแล้วในความเป็นจริงนั้น น้ำยาเหล่านี้ไม่ได้ช่วยในการระบายความร้อนเท่าไร แต่ทำให้จุดเดือดของน้ำที่มีน้ำยานี้ผสมอยู่สูงขึ้น น้ำก็เลยเดือดช้าลง ทว่าคุณสมบัติด้านอื่นของน้ำยานี้ที่ต้องยอมรับว่ามีความจำเป็นสำหรับหม้อ น้ำนั้นคือการป้องกันสนิมและ การกัดกร่อน เพราะหม้อน้ำของรถยนต์โดยเฉพาะในยุคสมัยนี้ นิยมทำจากอะลูมิเนียม ซึ่งสามารถเกิดตะกรันและเกิดการกัดกร่อนได้ง่าย สังเกตได้จากการลองถอดท่อยางที่ต่อจากหม้อพักน้ำดูก็ได้ จะพบว่ามีคราบและร่องรอยของการเกิดตะกรัน ในบางคันอาจถูกกัดกร่อนจนผุแหว่ง ซึ่งจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดการอุดตันของหม้อน้ำและทางเดินน้ำ อันจะนำสู่ปัญหาของการระบายความร้อน ทำให้เกิดการโอเวอร์ฮีทได้ ETHYLENE GLYCOL เป็นสารที่มีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต หากเกิดการดื่มกินเข้าไปแม้ปริมาณเพียงเล็กน้อยจะไปออกฤทธิ์ต่อไตทำให้เกิด อาการไตวายและอาจเสียชีวิตได้ แต่เพราะคุณสมบัติหลัก ๆ ที่สำคัญมีความจำเป็นต่อเครื่องยนต์ทำให้มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยที่คุณสมบัติในการป้องกันการเกิดสนิมและการกัดกร่อนนั้นสามารถครอบคลุม ได้หมด แม้ว่าชุดระบายความร้อนจะประกอบไปด้วยอะลูมิเนียม ทองแดง เหล็กเหนียว เหล็กหล่อ หรือแม้แต่ตะกั่วบัดกรีก็ตาม เมื่อมีทั้ง ประโยชน์และอันตรายควบคู่กัน การเก็บรักษาจึงควรระมัดระวัง โดยจัดเก็บให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง เพราะอุปกรณ์บำรุงรักษารถยนต์นั้นมักถูกมองว่าไม่มีอันตรายซึ่งยังไม่ถูก ต้องนัก ยังมีสารอีกชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ ETHYLENE GLYCOL และกำลังถูกพัฒนาเพื่อที่จะนำมาใช้ทดแทน ETHYLENE GLYCOL นั่นคือ PROPYLENE GLYCOL เพราะเหตุว่ามีอันตรายน้อยกว่านั่นเอง ในอนาคตเราคงมีทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับน้ำยาระบายความร้อนหม้อน้ำ น้ำยา ระบายความร้อนหม้อน้ำ (ANTIFREEZE & COOLANT) ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเครื่องยนต์อยู่ดี และเมื่อรับรู้ถึงอันตรายอันอาจเกิดขึ้นได้ ในการใช้ครั้งต่อไปก็เพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นกว่าเดิมนะครับ หน้าที่หลักๆขอน้ำยาหม้อน้ำคือ 1ป้องกันน้ำในระบบแข็งตัวเป็นน้ำแข็งในจังหวะสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ๆ (เมืองนอกที่อากาศติดลบทั้งหลาย) 2เพิ่มจุดเดือดน้ำ คือชลอการระเหยของน้ำในระบบหล่อเย็นเวลาเครื่องยนต์ร้อนจัด (ข้อนี้สำหรับเมืองร้อนด้วย) เพราะเวลาน้ำเดือดน้ำจะระเหยกลายเป็นไอ ลองต้มน้ำในหม้อดูสิครับ น้ำเปล่าเริ่มระเหยเป็นไอที่ 100C ํ ถ้าผสมน้ำยาก็จะระเหยที่ 105 / 110 / 115 องศาเซลเซียส ....ตามสัดส่วนการผสม... 3ป้องกันการเกิดสนิม ตะกอน พอมีสนิมก็ผุ กร่อน.มีตะกอน.(ลดความเสี่ยงในการอุดตันในหลอดน้ำที่รังผึ้งหม้อน้ำ) 4หล่อลื่นปั๊มน้ำและซีลปั๊มน้ำ และวาล์วน้ำ (อันนี้เกี่ยวเนี่องจากข้อ3 เพราะไม่มีตะกรัน ตะกอน) น้ำยาหล่อเย็น บางยี่ห้อ เป็นน้ำยาหล่อเย็นแบบผสมสำเร็จรูป ซึ่งมีอัตราความเข้มข้นในอัตราส่วน 50:50 จึงมีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนสูง เหมาะกับสภาพอากาศและสภาพการจราจรในเมืองไทย ที่เครื่องยนต์มีการทำงานอยู่ในอุณหภูมิที่สูงอยู่ตลอดเวลา และต้องการการระบายความร้อนเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพ[/QUOTE]
เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
เข้าสู่ระบบด้วย Google
ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:
คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?
ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
ลืมรหัสผ่านของคุณ?
อยู่ในระบบตลอดเวลา
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Nissan Car Clubs
>
Sunny Thailand
>
ใช้น้ำยาคูลแลนท์ ดีไหม???
>
X
หน้าแรก
หน้าแรก
Quick Links
โพสต์ล่าสุด
กิจกรรมล่าสุด
ผู้เขียน
ฟอรั่ม
ฟอรั่ม
Quick Links
ค้นหาฟอรั่ม
โพสต์ล่าสุด
ประกาศซื้อขาย
ประกาศซื้อขาย
Quick Links
ค้นหาประกาศซื้อขาย
กิจกรรมล่าสุด
ผู้ค้าขายคะแนนสูงสุด
สื่อ/วิดีโอ
สื่อ/วิดีโอ
Quick Links
Search Media
New Media
สมาชิก
สมาชิก
Quick Links
สมาชิกที่โดดเด่น
สมาชิกที่ลงทะเบียน
ผู้ใช้งานในขณะนี้
กิจกรรมล่าสุด
โพสต์ข้อมูลส่วนตัวใหม่
เมนู
ค้นหาเฉพาะชื่อ
โพสต์โดยสมาชิก:
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ใหม่กว่า:
ค้นหาเฉพาะหัวข้อนี้
ค้นหาเฉพาะฟอรั่มนี้
แสดงผลเป็นหัวข้อ
การค้นหาที่มีประโยชน์
โพสต์ล่าสุด
เพิ่มเติม...