"กรังด์ปรีซ์" ดัน "จีพี เรซซิ่ง ลีก" พลิกโฉมเกมความเร็ว 2015

​

"กรังด์ปรีซ์ กรุ๊ป" โปรโมเตอร์กีฬาความเร็วชั้นนำของเมืองไทย ปรับแผนมอเตอร์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งครั้งใหญ่ ผุดเกมรายการใหม่ "กรังด์ปรีซ์ เรซซิ่ง ลีก" ทดแทน "โปร. เรซซิ่ง ซีรีส์ ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนชิพ" เดิม พร้อมปรับภาพลักษณ์ให้สดใหม่ ดวลความเร็ว 5 สนาม ตลอดทั้งปี ชิงชัย 4 รุ่น เน้นการสื่อสารทุกช่องทาง หวังเจาะกลุ่มตลาดคนรุ่นใหม่

บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ยักษ์ใหญ่วงการสื่อยานยนต์ และโปรโมเตอร์มอเตอร์สปอร์ตรายใหญ่ของเมืองไทย ขยับตัวครั้งสำคัญสำหรับการจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบในปี 2015 ด้วยการผุดการแข่งขันรายการใหม่อย่าง กรังด์ปรีซ์ เรซซิ่ง ลีก (Grand Prix Racing League) ขึ้นมาแทนที่รายการเดิมอย่าง โปร. เรซซิ่ง ซีรีส์ ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนชิพ เดิม โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกความสดใหม่ให้กับการแข่งขัน พร้อมดึง ทีมงาน นิตยสาร เอ็กซ์โอ-ออโต้สปอร์ต เข้ามาบริหารงานด้านการตลาดและการสื่อสารอย่างเต็มตัว

นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา กรรมการบริหาร/ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ในฐานะประธานจัดการแข่งขัน กรังด์ปรีซ์ เรซซิ่ง ลีก 2015 เปิดเผยว่า "ปีนี้เรามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อย่างแรกคือการรีแบรนดิ้งการแข่งขันรายการเดิมอย่าง โปร. เรซซิ่ง ซีรีส์ ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนชิพ เพื่อเรียกความสดใหม่ให้กับรายการที่เรามีอยู่ ด้วยการเปลี่ยนชื่อเป็น "กรังด์ปรีซ์ เรซซิ่ง ลีก" พร้อมกับดึงทีมบริหารของ นิตยสาร เอ็กซ์โอ-ออโต้สปอร์ต เข้ามาดูแลในส่วนของมอเตอร์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง เพื่อปรับให้การแข่งขันมีสีสันขึ้นกว่าที่ผ่านมา"

"ฉะนั้นปี 2015 จะเป็นปีที่ท้าทายสำหรับ กรังด์ปรีซ์ และ เอ็กซ์โอ รวมถึงทีมงานทุกคน ขณะเดียวกัน การแข่งขันรายการนี้จะนำความแปลกใหม่มาสู่วงการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบได้อย่างแน่นอน โดยจะมีการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ด้วยทิศทางการนำเสนอ และ ช่องทางการสื่อสารที่รอบด้านกว่าที่ผ่านมา ซึ่งสื่อที่เราจะใช้สำหรับการเผยแพร่มีทั้งนังสือพิมพ์รายการ, โทรทัศน์สาธารณะ และเคบเลทีวี รวมถึงอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสื่อสารยุคปัจจุบัน" นายอโณทัย เผย

สำหรับ กรังด์ปรีซ์ เรซซิ่ง ลีก จะแข่งขันทั้งสิ้น 4 รุ่นหลัก ได้แก่ อีโค ซูเปอร์คัพ (Eco Super Cup), โปร. คาร์ (Pro. Car), แจ๊ซ ซูเปอร์คัพ (Jazz Super Cup) และ เจแปน แกรนด์ ทัวริ่งคาร์ (Japan Grang Touring Car : JGTC) โดยจะมีการหารือด้านกฎการแข่งขันให้รัดกุมและเป็นธรรมกับทุกทีม

ส่วนตารางการแข่งขันจะดวลความเร็วทั้งสิ้น 5 สนาม 10 เรซ (สนามละ 2 เรซ) เริ่มต้นสนามแรกในวันที่ 21-22 มีนาคมนี้ ที่สนามโบนันซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล สปีด เวย์ ต่อด้วยสนาม 2 ในวันที่ 25-26 เมษายนนี้ ที่ พีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (พัทยา)

จากนั้นจะแข่งขันสนาม 3 ในวันที่ 23-24 พฤษภาคมนี้ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ก่อนจะโยกกลับไปที่ พีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (พัทยา) เพื่อดวลสนาม 4 ในวันที่ 10-11 ตุลาคม ซึ่งจะแข่งขันแบบไนท์เรซ และปิดฉากกันที่ โบนันซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล สปีด เวย์ ในวันที่ 14-15 พฤศจิกายนนี้

กรังด์ปรีซ์ เรซซิ่ง ลีก นับเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเกมความเร็วที่จัดโดยกรังด์ปรีซ์ กรุ๊ป โดยถูกวางเป้าหมายให้เข้าถึงกลุ่มแฟนซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ และต้องการขยายฐานแฟนให้มากขึ้น มีการถ่ายทอดสดการแข่งขันทุกสนามผ่านทาง กรังด์ปรีซ์ ชาแนล (Grand Prix Channel) รวมถึงการถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์ สตรีมมิ่ง (Online Streaming) ตลอดทั้งวันของการแข่งขัน รวมถึงถึงช่องทางโซเชียลมีเดีย และสื่อหลักทั้งหนังสือพิมพ์, นิตยสาร และทีวีสาธารณะทุกช่อง รวมถึงเคเบิ้ล ทีวีด้วย

ตารางแข่งขัน กรังด์ปรีซ์ เรซซิ่ง ลีก 2015
สนามที่ 1 วันที่ 21-22 มีนาคม สนาม โบนันซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล สปีด เวย์
สนามที่ 2 วันที่ 25-26 เมษายน สนาม พีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (พัทยา)
สนามที่ 3 วันที่ 23-24 พฤษภาคม สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
สนามที่ 4 วันที่ 10-11 ตุลาคม สนาม พีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (พัทยา) ***ไนท์เรซ
สนามที่ 5 วันที่ 14-15 พฤศจิกายน สนาม โบนันซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล สปีด เวย์

ที่มา: http://www.motorsportlives.com