เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Portal
>
Articles
>
อากาศพลศาสตร์ของรถแข่ง (Race Car Aerodynamics)
>
ตอบกลับหัวข้อ
ชื่อ:
การตรวจสอบ:
กรุณาเปิดใช้งานจาวาสคริปต์เพื่อดำเนินการต่อ
กำลังโหลด...
ข้อความ:
<p>[QUOTE="RacingWeb, post: 2080839, member: 9984"]<b>Aerodynamics Kits</b></p><p>"Aerodynamics kits (Aero kits)" ก็คือชุดแต่งรอบคัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเชิงอากาศพลศาสตร์ให้กับรถ ซึ่งหมายถึง สร้างแรงกดและลดแรงต้านนั่นเอง Aero kits หนึ่งชุดจะประกอบด้วยพาร์ทย่อยอีกหลายชิ้น ยกตัวอย่างเช่น กันชนหน้าหลัง ลิ้นหน้า สเกิร์ตข้าง สปอยเลอร์ คานาร์ด และอื่นๆ อีกมากมาย</p><p><br /></p><p>หลายๆ ท่านอาจจะเคยได้ยินคำว่า "Body kits" และกำลังสับสนระหว่าง "Aero kits" กับ "Body kits" ตกลงมันคืออันเดียวกันหรือเปล่า? แตกต่างกันอย่างไร? ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร แต่ตามความเข้าใจของผมแล้ว คิดว่า "Body kits" น่าจะหมายถึงชุดแต่งที่ออกแบบโดยเน้นความสวยงามเป็นหลัก เช่น ชุดแต่งรอบคันที่มีมาให้จากโรงงาน แต่ "Aero kits" นั้น คือชุดแต่งที่ออกแบบโดยคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ สามารถควบคุมอากาศที่ไหลผ่านตัวรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มสมรรถนะของรถให้ได้มากที่สุด</p><p><br /></p><p>ต่อไปจะเป็นการเปรียบเทียบระหว่างรถที่ใส่ Aero kits แบบบ้านๆ กับรถที่ใส่ Aero kits แบบเต็มยศ คันด้านซ้าย คือ Mitsubishi Lancer Evolution VII เรียกสั้นๆว่า EVO7 ขับเคลื่อน 4 ล้อฟูลไทม์ เครื่องยนต์ความจุ 2 ลิตร เทอร์โบ โดดเด่นในเรื่องของสมรรถนะที่เกินตัว รวมไปถึงการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ทำให้ครองใจสาวกขับเคลื่อนสี่ล้อทั่วโลกมาอย่างยาวนาน คันนี้ไม่ได้มีการติดตั้ง Aero kits เพิ่มเติมแต่อย่างใด เรียกได้ว่าออกมาจากโรงงานยังไงก็เป็นยังงั้น ส่วนคันด้านขวานั้น …? คุ้นๆ ไหมครับ ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าปลาการ์ตูน "NEMO" นั่นเอง อีโวสุดโหดสายพันธุ์ Time Attack จากแดนจิงโจ้ ...ใช่แล้วครับ "NEMO" คันนี้ก็คือ EVO7 เช่นเดียวกันกับคันทางด้านซ้ายมือ โอ้ววว... ไม่น่าเชื่อเลยว่ามันเคยมีหน้าตาเหมือนกันมาก่อน ชุดเกราะของเจ้าปลาการ์ตูนนั้น ออกแบบโดย "Andrew Brilliant" นักอากาศพลศาสตร์ชาวอเมริกันมากประสบการณ์ ซึ่งเคยออกแบบและพัฒนารถแข่ง Super GT รวมไปถึงรถแข่ง Le Mans และในการออกแบบ Aero kits ชุดนี้ "Andrew" ได้ใช้ซอฟแวร์ CFD ในการออกแบบ ซึ่งเป็นซอฟแวร์อันเดียวกันที่ใช้ในการออกแบบรถแข่งฟอร์มูล่าวัน!! ทำให้ชุดเกราะของ NEMO เป็น Aero kits ของอีโวที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลกในตอนนี้!!</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh5.googleusercontent.com/-Ty3WJbi0n3w/Ua0Pi_8UzwI/AAAAAAAABLU/AdJwBLR33jc/s912/df-17.png" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center">Mitsubishi Lancer Evo VII, Mitsubishi Lancer Evo VII close to F1 car | carsguide.com.au</p><p><br /></p><p>อีโวคันด้านซ้ายนั้น ได้มีการทดสอบหาแรงกดและแรงต้านในอุโมงค์ลม ผลปรากฎว่า ที่ความเร็ว 200 km/h สามารถสร้างแรงกดได้ 45 kg ซึ่งถือว่าเยอะมากสำหรับบอดี้ซีดานสี่ประตู แรงกดทั้งหมดที่สร้างได้จะกดลงที่ล้อหน้าเป็นส่วนใหญ่ (แรงกดที่ล้อหน้า : 37 kg, แรงกดที่ล้อหลัง 8 kg)[7] การกระจายแรงกดแบบนี้จะช่วยลดอาการหน้าดื้อหรือ Under-steer ซึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมชาติของรถขับเคลื่อนสี่ล้ออยู่แล้ว ส่วนเจ้า "NEMO" ที่ความเร็ว 200 km/h สามารถสร้างแรงกดได้ประมาณ 600 kg หรือมากกว่าอีโวธรรมดาถึง 13 เท่า!! ส่วนอัตราส่วนแรงกดหน้า-หลังนั้นยังไม่มีข้อมูล แต่คิดว่าแรงกดด้านหน้าต้องมากกว่าแรงกดด้านหลังแน่นอน เพื่อลดอาการหน้าดื้ออย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว ด้วยแรงกดมหาศาลนี้ ทำให้ "NEMO" เข้าโค้งด้วยความเร่งมากถึง 2G ในขณะที่อีโวเดิมๆ สามารถเข้าโค้งได้ไม่เกิน 1G ซึ่งหมายความว่า "NEMO" สามารถเข้าโค้งได้เร็วมากกว่าอีโวปกติประมาณ 1.4 เท่า สมมติว่าอีโวเดิมๆ สามารถเข้าโค้งด้วยความเร็ว 150 km/h โดยที่ยังไม่หลุดโค้ง แต่ "NEMO" สามารถเข้าโค้งเดียวกันนี้ ด้วยความเร็วมากกว่า 210 km/h เลยทีเดียว ถึงตอนนี้คงไม่มีใครปฏิเสธได้แล้วว่า "ถ้าได้ Aero kits ที่ดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วหล่ะ!!"</p><p><br /></p><p>ต่อไปจะเป็นการอธิบายรายละเอียดของ "Aerodynamics Components" หรือเรียกสั้นๆ ว่า "Aero parts" ว่ามีกี่ชิ้น แต่ละชิ้นทำหน้าที่อะไรบ้าง</p><p><br /></p><p><b>ลิ้นหน้า (Splitter)</b></p><p>"ลิ้นหน้า" หรือ "Splitter" เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งไว้ที่ด้านล่างของ Bumper มีลักษณะเป็นแผ่นเรียบขนานกับพื้น อาจจะทำมากจากคาร์บอนไฟเบอร์หรือวัสดุอื่นๆ ก็ได้ สำหรับรถแข่งที่มีสมรรถนะสูงๆ จะมีแท่งซัพพอร์ต (Support rods) เพื่อยึดลิ้นหน้าไว้กับโครงรถ ป้องกันไม่ให้ลิ้นหน้าเสียรูปเมื่อรับแรงกดมากๆ วัตถุประสงค์ของลิ้นหน้า คือ สร้างแรงกดให้กับด้านหน้าของรถ เพิ่มการยึดเกาะให้กับล้อหน้า หรือลดอาการ Under-steer นั่นเอง</p><p><br /></p><p>จริงๆ แล้ว Splitter ไม่สามารถสร้างแรงกดได้จากตัวมันเอง หน้าที่ของ Splitter คือแบ่งอากาศออกเป็นสองโซน ได้แก่ โซนความดันสูงและโซนความดันต่ำ โซนความดันสูงคือโซนที่อากาศไหลมาปะทะกับ Bumper ทำให้การไหลของอากาศจะอั้นอยู่ที่บริเวณนี้ ไม่สามารถไหลต่อไปได้ อากาศจึงมีความเร็วต่ำมาก หรืออาจจะมีค่าเท่ากับศูนย์เลยก็ได้ (เรียกว่า "Stagnation Point") สรุปคือ การที่อากาศไหลได้ไม่สะดวกนี่เองเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความดันสูง ส่วนโซนที่สองคือโซนความดันต่ำ คือโซนที่อากาศไหลผ่านใต้ท้องรถนั่นเอง เนื่องจากไม่มีอะไรมาขวางทางการไหล จึงทำให้อากาศไหลได้สะดวก มีความเร็วสูงและมีความดันต่ำ Splitter จะแบ่งโซนทั้งสองโซนให้แยกออกจากกัน เมื่อความดันด้านบนมากกว่าด้านล่างแล้วจะทำให้เกิดแรงกดลงที่พื้นผิวของ Splitter แรงกดนี้จะเพิ่มขึ้นตามความเร็ว ความเร็วที่ Splitter สามารถสร้างแรงกดได้นั้น โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 120 km/h ขึ้นไป ถ้าความเร็วต่ำกว่านี้ แรงกดที่สร้างได้จะน้อยมากๆ ไม่มีประโยชน์ ไม่ได้ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนแต่อย่างใด</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh4.googleusercontent.com/-DAGkUaPdp6E/Ua0PgW7NNFI/AAAAAAAABK0/ZdzU-ng273Q/s602/df-18.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><br /></p> <p style="text-align: center"><img src="https://lh3.googleusercontent.com/-LPw7b_W8Mi4/Ua0PgwS2qbI/AAAAAAAABK8/0eV1SJREyAE/s672/df-19.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><br /></p> <p style="text-align: center"><img src="https://lh6.googleusercontent.com/-8Xp7BLPbo-4/Ua0PhlKy2hI/AAAAAAAABLE/I73f1kfduw4/s558/df-20.png" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center">2012 Boss 302S - 2012 Boss 302S Front Splitter - Ford Mustang Pictures Gallery</p><p><br /></p><p><b>คานาร์ด (Canard)</b></p><p>คานาร์ดเป็นแผ่นสามเหลี่ยม โดยมากทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ มีหน้าที่สร้างแรงกดที่ด้านหน้ารถ โดยมีหลักการอยู่ว่า เมื่ออากาศไหลผ่าน ครีบทั้งสองอันจะเปลี่ยนทิศทางของการไหลอากาศให้ไหลขึ้นข้างบน โมเมนตัมของอากาศที่ไหลขึ้นจะทำให้เกิดแรงสุทธิซึ่งมีทิศทางลงสู่พื้นโลก นั่นก็คือสร้างแรงกดนั่นเอง นอกจากนี้แล้ว ครีบทั้งสองอันนี้ยังสามารถสร้างลมหมุน (Vortex) ซึ่งลมหมุนนี้จะเกิดขึ้นที่ด้านข้าง หมุนวนไปตลอดความยาวของรถ (ดูรูปประกอบ) ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นเหมือนผ้าม่าน กั้นความดันระหว่างโซนความดันสูงกับโซนความดันต่ำ (กั้นระหว่างอากาศที่ไหลเหนือรถขึ้นไปกับอากาศที่ไหลใต้ท้องรถ) การทำเช่นนี้จะทำให้รถสามารถสร้างแรงกดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น</p><p><br /></p><p>คานาร์ดเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีประสิทธิภาพมากเท่าไหร่ (เมื่อเปรียบเทียบกับ Front wings ของ Formula1) เพราะว่าสามารถสร้างแรงกดได้น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับแรงต้านอากาศที่เพิ่มขึ้น โดยปกติแล้วจะสามารถพบเห็นได้ในรถแข่งที่มีพื้นฐานมาจากรถที่วิ่งบนท้องถนนทั่วไป (Production cars) เช่น รถแข่ง GT500 หรือ V8 Supercar รถแข่งเหล่านี้ได้มีการโมดิฟายในระดับสูง จนสามารถใช้ความเร็วในระดับ 200km/h ขึ้นไป ยิ่งความเร็วสูงมากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพของคานาร์ดก็จะเพิ่มขึ้น ในปัจจุบัน คานาร์ดยังได้รับความนิยมในกลุ่มรถแต่งซิ่งที่วิ่งกันบนท้องถนน เพราะนอกจากจะเพิ่มแรงกดให้กับรถแล้ว การติดตั้งคานาร์ดยังทำให้รถดูสวยงาม ดุดัน ทำให้ดูเป็นตัวซิ่งมากยิ่งขึ้น</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh4.googleusercontent.com/-HcPlKscPohU/Ua0Pjv0IbjI/AAAAAAAABLc/iOcaP0MoVjU/s921/df-21.png" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p><b>สเกิร์ตข้าง (Side Skirt)</b></p><p>"Side Skirt" หรือ "สเกิร์ตข้าง" มีหน้าที่กั้นอากาศภายนอก (ความดันสูง) ไม่ให้เข้ามาใต้ท้องรถ (ความดันต่ำ) ถ้าไม่มีสเกิร์ตข้างจะทำให้อากาศภายนอกไหลเข้ามาใต้ท้องรถ (ปกติแล้ว อากาศที่มีความดันสูงจะไหลไปหาอากาศที่มีความดันต่ำ) ซึ่งจะทำให้ความดันใต้ท้องรถมีค่าเพิ่มขึ้น แรงกดที่สร้างได้จะลดลง ในกรณีที่แย่ที่สุดคือเกิดแรงยก (Lift) ขึ้นมาแทน แรงยกจะทำให้ความสามารถในการยึดเกาะถนนลดลง ความเสถียรของรถจะลดลงโดยเฉพาะเมื่อขับด้วยความเร็วสูง ประสิทธิภาพของสเกิร์ตขึ้นอยู่กับระยะห่างระหว่างพื้นถนนและสเกิร์ต ยิ่งสเกิร์ตต่ำมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีเพราะจะกั้นไม่ให้อากาศภายนอกเข้ามาใต้ท้องรถได้ดีกว่า รถแข่งสมรรถนะสูงบางคัน มีระยะห่างระหว่างถนนและสเกิร์ตเพียงแค่ 2 cm เท่านั้นเอง (หรืออาจจะน้อยกว่า)</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh3.googleusercontent.com/-0r9KTH9JwG4/Ua0Pi2v-xUI/AAAAAAAABLg/4rTBopXXtBs/s639/df-22.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center">Voltex Side Skirts (Cyber Edition) Mitsubishi EVO VII VIII IX 01-07 - Voltex - Exterior - Styling - Mitsubishi Evo - Home - JW Racing</p> <p style="text-align: center"><br /></p> <p style="text-align: center"><img src="https://lh5.googleusercontent.com/-zFLCmojXnk8/Ua0PkftaRKI/AAAAAAAABLw/Z-aR_p1mhCs/s555/df-23.png" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center">Garage Revolution Mazda RX-7 to Contest World Time Attack Challenge [video] | AutoGuide.com News</p><p><br /></p><p><b>ปีกหลังหรือสปอยเลอร์ (Rear Wing or Spoiler)</b></p><p>หลักการของสปอยเลอร์นั้นเหมือนกับหลักการของปีกเครื่องบินทุกประการ ต่างกันที่วัตถุประสงค์เท่านั้น วัตถุประสงค์ของปีกเครื่องบินคือสร้างแรงยก ส่วนวัตถุประสงค์ของสปอยเลอร์คือสร้างแรงกด นั่นหมายความว่าสปอยเลอร์ก็คือปีกเครื่องบินที่ถูกพลิกกลับด้านนั่นเอง (Inverted wing) แรงกดที่เกิดจากสปอยเลอร์จะถ่ายทอดลงสู่ยางหลังเสียเป็นส่วนใหญ่ (ท้ายหนักขึ้นนั่นเอง) นั่นหมายความว่าการติดสปอยเลอร์จะทำให้ยางหลังมีการยึดเกาะที่ดีขึ้น ท้ายรถจะนิ่งขึ้นเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh3.googleusercontent.com/-2mOMGLI8ZZs/Ua0Pj5quLhI/AAAAAAAABLo/YaAzxyKa0vA/s450/df-24.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><br /></p> <p style="text-align: center"><img src="https://lh3.googleusercontent.com/-GorGXDBAKm0/Ua0Pk5XGglI/AAAAAAAABL8/Wvg_a0sEiJs/s695/df-25.png" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center">Varis - Vortex Generator - Nengun Performance</p><p><br /></p><p>นอกเหนือจากสร้างแรงกดแล้ว การติดตั้งสปอยเลอร์ยังเป็นการเพิ่มความสวยงามให้กับรถด้วย ประกอบกับปัจจุบันนี้มีสปอยเลอร์หลากหลายรูปทรงหลากหลายราคาให้เลือกสรร สปอยเลอร์จึงนับเป็นแอโรพาร์ทชิ้นหลักๆ ที่ขาซิ่งจะซื้อมาใส่เพื่อเพิ่มความเป็นเรซซิ่งให้กับรถตนเอง สปอยเลอร์ที่มีราคาสูงบางอันจะสามารถปรับมุมปีกได้ มุมนี้เรียกว่า "มุมปะทะ(Angle of attack)" แรงกดที่สร้างได้อาจจะเพิ่มขึ้นมหาศาลเพียงแค่ปรับมุมปะทะไม่กี่องศา โดยที่ เมื่อมุมปะทะมากขึ้น แรงกดก็จะมากขึ้น แต่แรงต้านอากาศก็จะมากขึ้นตามไปด้วย</p><p><br /></p><p>สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะให้ท่านผู้อ่านได้ทราบเกี่ยวกับสปอยเลอร์นั่นก็คือ "ไม่มีสปอยเลอร์อันไหนดีที่สุดในโลก" นั่นหมายความว่า สปอยเลอร์อันใดอันหนึ่งจะสามารถแสดงประสิทธิภาพได้มากที่สุดก็ต่อเมื่อติดตั้งอยู่บนรถคันใดคันหนึ่งเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น สปอยเลอร์รุ่นหนึ่งถูกออกแบบมาสำหรับ Nissan Skyline GT-R R34 เมื่อทดสอบแล้วปรากฎว่า สามารถสร้างแรงกดได้มาก การควบคุมรถที่ความเร็วสูงทำได้ดี แต่เมื่อเอาสปอยเลอร์อันเดียวกันนี้ไปติดตั้งกับรถ Mitsubishi EVO VIII ปรากฎว่า สร้างแรงกดได้ไม่เท่ากัน แรงกดที่สร้างได้น้อยกว่าของ R34 ทำไมจึงเป็นเช่นนี้? ทั้งๆ ที่สปอยเลอร์เป็นอันเดียวกัน? ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่า แรงกดที่สร้างขึ้นนั้น นอกจากจะขึ้นอยู่กับความเร็วของรถแล้ว ยังขึ้นอยู่กับทิศทางของลมที่ไหลเข้ามาปะทะด้วย ลมที่ไหลเข้ามาปะทะกับสปอยเลอร์นั้นส่วนใหญ่จะไหลผ่านหลังคารถ (มีบางส่วนที่มาจากด้านข้าง) และแน่นอนว่าทิศทางการไหลของอากาศก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะของหลังคา ในกรณีนี้ R34 กับ EVO VIII มีลักษณะของหลังคาที่แตกต่างกัน แตกต่างกันทั้งความสูงและความลาดเอียง ดังนั้นทิศทางการไหลของอากาศที่ปะทะกับสปอยเลอร์ก็จะไม่เหมือนกัน ส่งผลให้สร้างแรงกดได้ไม่เท่ากันนั่นเอง แต่ถ้าเป็นรถที่มีลักษณะหลังคาคล้ายๆ กัน เช่น GT-R R34 กับ R32 เมื่อติดตั้งสปอยเลอร์อันเดียวกันแล้วแรงกดที่สร้างได้จะมีค่าใกล้เคียงกันมาก</p><p><br /></p><p><b>ครีบเจอร์นี (Gurney flap)</b></p><p>เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่ติดตั้งเข้าอยู่กับสปอยเลอร์ มีลักษณะเป็นครีบตั้งฉาก จะถูกติดไว้ด้านท้ายของสปอยเลอร์ (สปอยเลอร์บางรุ่นจะมีครีบเจอร์นีติดมาให้อยู่แล้ว หรืออาจจะทำเป็นชิ้นเดียวกันกับสปอยเลอร์ ทำให้มีความแข็งแรงมากกว่า) ประโยชน์ของครีบเจอร์นีคือเพิ่มแรงกดให้กับสปอยเลอร์ โดยมีหลักการอยู่ว่า เมื่ออากาศไหลผ่านสปอยเลอร์แล้วปะทะเข้ากับครีบเจอร์นี ความเร็วของการไหลจะลดลงอย่างมากเพราะครีบมันตั้งขวางทางลมนั่นเอง ส่งผลให้ความดันอากาศด้านบนมีค่าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ปีกสามารถสร้างแรงกดได้มากกว่าปกตินั่นเอง ข้อเสียคือ การใส่เจอร์นีจะทำให้แรงต้านอากาศของปีกมีค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับขนาดและองศาของเจอร์นี แต่จริงๆ แล้วแรงต้านอากาศจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเปรียบเทียบกับแรงกดที่เพิ่มขึ้น นับได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพอีกชิ้นหนึ่ง</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh6.googleusercontent.com/-oOhMuaEudQ8/Ua0PmRYv7mI/AAAAAAAABMQ/A7-nOT_wQ3k/s912/df-26.png" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><br /></p> <p style="text-align: center"><img src="https://lh3.googleusercontent.com/-kQF8vst4nrc/Ua0Plme_78I/AAAAAAAABL4/ttNWd2ScYAM/s479/df-27.png" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p><b>ดิฟฟิวเซอร์ (Diffuser)</b></p><p>ดิฟฟิวเซอร์ถูกติดตั้งไว้ที่ใต้ท้องรถด้านท้าย เพื่อเร่งให้อากาศที่ไหลผ่านใต้ท้องรถมีความเร็วสูงมากขึ้น เมื่ออากาศที่ไหลผ่านใต้ท้องรถมีความเร็วสูงขึน ความดันใต้ท้องรถก็จะลดลงด้วย แรงกดจะกดให้รถติดกับพื้น แรงกดที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดขึ้นแค่บริเวณที่มีดิฟฟิวเซอร์เท่านั้น (ไม่ได้เกิดขึ้นที่ท้ายรถเท่านั้น) แต่แรงกดนี้จะกระจายทั่วทั้งคัน (สำหรับรถ Formula1 แล้ว ดิฟฟิวเซอร์ถือเป็นอุปกรณ์ที่สามารถสร้างแรงกดได้มากที่สุด คิดเป็นประมาณ 40% ของแรงกดทั้งหมด)</p><p><br /></p><p>นอกเหนือจากการสร้างแรงกดให้รถแล้ว ดิฟฟิวเซอร์ยังลดแรงต้านอากาศอันเนื่องมาจากการไหลปั่นป่วนของอากาศ (Turbulent flow) ที่เกิดขึ้นด้านท้ายรถอีกด้วย การไหลปั่นป่วนนี้จะทำให้ความดันอากาศที่ท้ายรถมีค่าน้อยลงเมื่อเทียบกับความดันอากาศด้านหน้ารถ ทำให้เกิดแรงต้านดังที่ได้อธิบายไปแล้วในหัวข้อ "อากาศพลศาสตร์ของรถยนต์" ยิ่งอากาศท้ายรถไหลปั่นป่วนมาก ก็จะยิ่งเกิดแรงต้านมาก ดิฟฟิวเซอร์จะลดความปั่นป่วนนี้โดยการลดความเร็วของอากาศท้ายรถ ทำให้อากาศที่ไหลออกมามีความเป็นระเบียบมากขึ้น ความดันที่ท้ายรถจึงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้แรงต้านอากาศลดลง ดิฟฟิวเซอร์จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็ต่อเมื่อใช้ร่วมกับแผ่นปิดใต้ท้องรถ หรือเรียกว่า Undertray แผ่นปิดใต้ท้องรถจะช่วยจัดเรียงการไหลของอากาศให้มีระเบียบมากขึ้นและยังเพิ่มความความเร็วของอากาศก่อนที่จะเข้าดิฟฟิวเซอร์ สรุปคือ หน้าที่ของดิฟฟิวเซอร์มีสองอย่าง จำง่ายๆ ว่า "สร้างแรงกดและลดแรงต้าน" 1.สร้างแรงกด โดยการเร่งให้อากาศใต้ท้องรถไหลเร็วขึ้น 2.ลดแรงต้าน โดยการลดความเร็วของอากาศก่อนปล่อยออกมาด้านท้ายรถ</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh6.googleusercontent.com/-7XJ4kL78mF0/Ua0PnIew61I/AAAAAAAABMI/2HBoqzuPcx4/s640/df-28.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center">MacG Racing - Exige Modifications</p> <p style="text-align: center"><br /></p> <p style="text-align: center"><img src="https://lh4.googleusercontent.com/-F0Z3qjyAcfE/Ua0PqQUVjxI/AAAAAAAABMw/yt0RwyNrvQE/s815/df-29.png" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center">WTAC Part 2 | Circuit Threads</p><p><br /></p><p><b>ตัวสร้างลมหมุน (Vortex Generator)</b></p><p>"Vortex generator" หรือเรียกสั้นๆ ว่า "VG" มีลักษณะเป็นครีบขนาดเล็ก จำนวนหลายๆ ครีบ ส่วนใหญ่จะติดตั้งที่ปีกของอากาศยานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของปีก หน้าที่ของ VG คือ สร้างลมหมุน (Vortex generation) โดยปกติแล้ว ลมหมุน เป็นปรากฎการณ์ที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น (ลมหมุนหมายถึงลมที่ไหลไม่เป็นระเบียบ มีความเร็วสูง และไม่มีทิศทางแน่นอน ดูรูปประกอบ) เพราะนอกจากจะทำให้เกิดแรงต้านมากขึ้นแล้ว ยังทำให้แรงยกของปีกมีค่าลดลงไปด้วย แต่ลมหมุนที่สร้างขึ้นมาจาก VG นั้น เป็นลมหมุนที่มีขนาดเล็ก มีรัศมีในการหมุนควงน้อยมากทำให้อากาศไหลแบบบิดเป็นเกลียว มีเส้นทางการไหลที่แน่นอนและราบเรียบ ไม่สะเปะสะปะ (ดูรูปประกอบ) ส่งผลให้การไหลของอากาศนั้นราบเรียบไปกับพื้นผิว (ไม่เกิดการแยกตัวหรือเรียกว่า Flow separation) ซึ่งจะทำให้แรงต้านอากาศลดลง และสามารถสร้างแรงยกได้เพิ่มขึ้น</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh4.googleusercontent.com/-F60i-Ykj-K0/Ua0Pn0iH6BI/AAAAAAAABMY/QLBWxsWZX0E/s610/df-30.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><br /></p> <p style="text-align: center"><img src="https://lh4.googleusercontent.com/-BPwvodi1FCY/Ua0PoNJ6jYI/AAAAAAAABMc/dJ1FwmNq3DE/s514/df-31.png" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>แล้ว VG มันมาเกี่ยวข้องกับรถแข่งได้อย่างไรกันล่ะ? VG ถูกนำมาประยุกต์ใช้กับรถยนต์ด้วยเช่นกัน ที่เห็นกันบ่อยๆ นั่นก็คือ VG ที่ติดอยู่บนหลังคาของ Mitsubishi Lancer Evolution นั่นเอง นี่แหละครับที่เรียกว่า เทคโนโลยีจากอากาศยานอย่างแท้จริง หลักการของมันก็เหมือนกับ VG ที่ติดกับปีกเครื่องบินนั่นแหละครับ เมื่ออากาศไหลผ่านหลังคารถแล้วปะทะกับ VG จะทำให้อากาศไหลราบเรียบไปกับกระจกหลัง ลดการแยกตัวของอากาศ ซึ่งจะทำให้แรงต้านอากาศโดยรวมมีค่าลดลง และถ้ามีการติดตั้งสปอยเลอร์ไว้ จะทำให้สปอยเลอร์สร้างแรงกดได้มากขึ้น เป็นผลอันเนื่องมาจากอากาศที่เข้ามาปะทะสปอยเลอร์นั้นไหลอย่างเป็นระเบียบมากขึ้น โดยสรุปแล้ว VG ที่ติดตั้งในรถยนต์นั้นมีวัตถุประสงค์หลักก็คือลดแรงต้านอากาศ ซึ่งจะทำให้ความเร็วสูงสุดมีค่าเพิ่มขึ้น รวมถึงประหยัดน้ำมันมากขึ้น รวมถึงแรงกดที่สร้างได้จะมีค่าเพิ่มขึ้น (เคยมีการทดสอบประสิทธิภาพของ VG ที่ถูกติดตั้งใน Mitsubishi Lancer Evolution VIII ผลปรากฎว่าสามารถลดแรงต้านอากาศได้ 1.7%)[8]</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh3.googleusercontent.com/-nzHcWSUKbGQ/Ua0PqL3tsXI/AAAAAAAABM0/0wICP6A6bEU/s511/df-32.png" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><br /></p> <p style="text-align: center"><img src="https://lh3.googleusercontent.com/-tO6VfyxxIao/Ua0PqMSlqMI/AAAAAAAABMs/QQkMXAiI0tU/s488/df-33.png" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><br /></p> <p style="text-align: center"><img src="https://lh4.googleusercontent.com/-viZIZVvrY7I/Ua0PrOK-lLI/AAAAAAAABM8/hwplw_kPkTA/s449/df-34.png" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p><b>บทสรุป</b></p><p>ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1950-1960 ซึ่งเป็นยุคบุกเบิกของการแข่งขันรถฟอร์มูล่าวัน ในยุคนั้น "เครื่องยนต์" ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของรถก็ว่าได้ เพราะว่ากำลังของเครื่องยนต์เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ได้รับชัยชนะ เรียกได้ว่าใครมีแรงม้ามากกว่า ก็มีโอกาสชนะมากกว่า เพราะฉะนั้นวิศวกรของแต่ละทีมจึงทุ่มเทเวลาและเงินทุนให้กับการสร้างเครื่องยนต์เพื่อให้มีแรงม้ามากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1960-1970 วิศวกรได้เริ่มเห็นถึงความสำคัญของอากาศพลศาสตร์ ในยุคนี้ หลายทีมเริ่มออกแบบรถโดยคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์มากขึ้น ทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคนี้ ก็คือทีม "Lotus F1" รถแข่งของทีมนี้มีชื่อว่า "Lotus72" ถูกออกแบบให้สามารถสร้างแรงกดได้มากขึ้น ทำให้สามารถเข้าโค้งได้เร็วกว่าเดิมประมาณ 15km/h[9] ซึ่งถือว่าเร็วมากๆ ในยุดนี้ ถึงเครื่องยนต์จะมีแรงม้ามาก แต่ถ้าไม่ได้ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ก็ไม่มีทางชนะแน่นอน ยุคนี้ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของวงการฟอร์มูล่าวันเลยทีเดียว</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh6.googleusercontent.com/-0pw8084DmfY/Ua0PsmIKu8I/AAAAAAAABNE/3Ct7j4z_XUY/s987/df-35.png" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center">lotus 72</p><p><br /></p><p>อากาศพลศาสตร์เริ่มเข้ามามีบทบาทกับรถยนต์มากขึ้นเรื่อยๆ จะรถบ้านหรือรถแข่ง ก็ต้องคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ด้วยกันทั้งนั้น เนื่องจากอากาศพลศาสตร์มีผลกระทบโดยตรงกับสมรรถนะและการควบคุมรถ ถ้าออกแบบได้ถูกต้องตามหลักการแล้ว ก็จะได้ประโยชน์มหาศาล ในทางกลับกัน ถ้าออกแบบไม่ดีหรือออกแบบโดยคำนึงเฉพาะความสวยงาม จะกลับกลายเป็นว่าได้ผลเสียมากกว่าผลดี สำหรับรถแข่งสมรรถนะสูงอย่างเช่นพวก ฟอร์มูล่าวัน หรืออินดี้คาร์ อากาศพลศาสตร์สามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้เลยทีเดียว การออกแบบรถแข่งตามหลักอากาศพลศาสตร์นั้น เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนมาก เนื่องจากประสิทธิภาพในการสร้างแรงกดของชุดแอโรพาร์ทนั้นขึ้นอยู่กับความเร็วในการแข่งขันเป็นหลัก แต่ในหนึ่งฤดูกาลแข่งขัน ต้องแข่งขันกันหลายสนาม และแต่ละสนามก็มีความเร็วในการแข่งขันไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างเช่น สนาม "Curcuit de Spa" ในประเทศ Belgium เป็นสนามที่มีโค้งความเร็วสูงหลายโค้ง ดังนั้นต้องทำการปรับให้แอโรพาร์ทสร้างแรงกดให้ได้มากกว่าปกติ</p><p><br /></p><p>ก่อนจะจบบทความนี้ ขอย้อนกลับมาที่บ้านเราไทยแลนด์ ถ้าพูดถึงรถแต่งในท้องถนนบ้านเราแล้ว จะพบว่าปัจจุบันนี้มีการใส่ชุดแอโรพาร์ทกันมากขึ้น ไม่ว่าจะมีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อความสวยงาม หรือต้องการเพิ่มสรรถนะของรถก็แล้วแต่ อยากฝากไว้ในเรื่องของความปลอดภัยด้วย แอโรพาร์ทนั้นมีทั้งประโยชน์และโทษ ถ้าออกแบบมาดี ติดตั้งได้ถูกต้องก็ดีไป แต่ถ้าได้ของไม่มีคุณภาพหรือว่าติดตั้งไม่ถูกวิธี อันนี้อันตรายนะครับ ยกตัวอย่างเช่น ต้องการให้ท้ายรถนิ่งขึ้น จึงไปติดตั้งสปอยเลอร์ขนาดใหญ่แบบ GT wing แต่ติดแล้วสปอยเลอร์มันไปบังกระจกมองหลัง ลำบากล่ะทีนี้ อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการเลือกชุดแอโรพาร์ท นั่นก็คือความแข็งแรงของชุดแอโรพาร์ท เพราะว่ารถเราไม่ได้วิ่งแค่ 30-40 km/h แต่บางทีใช้ความเร็วสูงถึง 150-160 km/h แรงกดที่แอโรพาร์ทสร้างได้มีค่าเป็นหลักสิบหลักร้อยกิโลกรัม ลองคิดตามนะครับ สมมติผมมีรถคันหนึ่ง ติดแอโรพาร์ทรอบคัน คานาร์ด สปอยเลอร์หลัง และได้ทำการบาลานซ์สมดุลแรงกดอย่างดี วันดีคืนดีเกิดอารมณ์ "Need For Speed" ขึ้นมา เลยเอารถออกไปวิ่งเล่นซะหน่อย ขณะกำลังขับที่ความเร็ว 180 km/h ทันใดนั้น คานาร์ดข้างขวาเกิดหักและปลิวออกไป รถจะเสียสมดุลแรงกดทันที (อารมณ์เดียวกับยางแตกนั่นแหละครับ) ถ้ารถเกิดเสียหลักแล้วควบคุมรถไม่ได้ ที่ความเร็วขนาดนี้ ความเสียหายคงไม่ใช่น้อยๆ แน่นอน สำหรับรถแข่งสมรรถนะสูง อย่างเช่น ฟอร์มูล่าวัน หรือนาสคาร์ (Nascars) ถ้าแอโรพาร์ทเกิดความเสียหายระหว่างแข่งขัน นั่นหมายความว่าโอกาสที่จะได้รับชัยชนะนั้นแทบจะเป็นศูนย์ทันที</p><p><br /></p><p><u>อ้างอิง (References)</u></p><p>[1] <a href="http://www.miataturbo.net/insert-bs-here-4/windtunnel-photos-various-cars-67417/" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://www.miataturbo.net/insert-bs-here-4/windtunnel-photos-various-cars-67417/" rel="nofollow">Windtunnel photos of various cars - Miata Turbo Forum - Turbo Kitten is watching you test compression.</a></p><p>[2] <a href="http://en.wikipedia.org/wiki/Automobile_drag_coefficient" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://en.wikipedia.org/wiki/Automobile_drag_coefficient" rel="nofollow">Automobile drag coefficient - Wikipedia, the free encyclopedia</a></p><p>[3] <a href="http://en.wikipedia.org/wiki/Formula_One" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://en.wikipedia.org/wiki/Formula_One" rel="nofollow">Formula One - Wikipedia, the free encyclopedia</a></p><p>[4] <a href="http://www.advanwheels.com.au/racing/car.aspx?id=55&eid=12" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://www.advanwheels.com.au/racing/car.aspx?id=55&eid=12" rel="nofollow">ADVAN Wheels - World Time Attack 2012 - Nemo Racing Evo</a></p><p>[5] <a href="http://www.carsguide.com.au/news-and-reviews/car-news/lancer_evo_7" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://www.carsguide.com.au/news-and-reviews/car-news/lancer_evo_7" rel="nofollow">Mitsubishi Lancer Evo VII close to F1 car | carsguide.com.au</a></p><p>[6] <a href="http://en.wikipedia.org/wiki/Chris_Rado" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://en.wikipedia.org/wiki/Chris_Rado" rel="nofollow">Chris Rado - Wikipedia, the free encyclopedia</a></p><p>[7] <a href="http://www.miataturbo.net/insert-bs-here-4/windtunnel-photos-various-cars-67417/" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://www.miataturbo.net/insert-bs-here-4/windtunnel-photos-various-cars-67417/" rel="nofollow">Windtunnel photos of various cars - Miata Turbo Forum - Turbo Kitten is watching you test compression.</a></p><p>[8] <a href="http://www.autospeed.com/A_3059/cms/article.htm" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://www.autospeed.com/A_3059/cms/article.htm" rel="nofollow">http://www.autospeed.com/A_3059/cms/article.htm</a></p><p>[9] <a href="http://www.f1network.net/main/s107/st22394.htm" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://www.f1network.net/main/s107/st22394.htm" rel="nofollow">http://www.f1network.net/main/s107/st22394.htm</a></p><p><br /></p><p><u>ขอขอบคุณ (Special Thanks)</u></p><p><a href="http://world.honda.com/NSX/" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://world.honda.com/NSX/" rel="nofollow">Honda Worldwide | Automobiles | NSX-R</a></p><p><a href="http://www.worldtimeattack.com/" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://www.worldtimeattack.com/" rel="nofollow">World Time Attack Challenge | 18th โ€“ 19th October, Sydney Motorsport Park, Australia</a></p><p><a href="http://www.modified.com/tech/0610sccp_automotive_aerodynamics_part_2/viewall.html" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://www.modified.com/tech/0610sccp_automotive_aerodynamics_part_2/viewall.html" rel="nofollow">Automotive Aerodynamics - Sport Compact Car Magazine</a></p><p><a href="http://www.formula1-dictionary.net/" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://www.formula1-dictionary.net/" rel="nofollow">Formula 1 Dictionary</a></p><p><br /></p><p style="text-align: center"><span style="color: #FF0000">***ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ทั้งเนื้อหาภายในบทความรวมไปถึงรูปภาพประกอบของบทความนี้ </span></p> <p style="text-align: center"><span style="color: #FF0000">ดังนั้น <b>ห้ามเผยแพร่ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของบทความนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต</b></span></p> <p style="text-align: center"><span style="color: #FF0000">เนื่องด้วยรูปภาพประกอบบทความทั้งหลายนี้ ผู้เขียนได้ทำการขออนุญาตจากเจ้าของภาพอย่างถูกต้องแล้ว </span></p> <p style="text-align: center"><span style="color: #FF0000">ดังนั้นการนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจะถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของเจ้าของรูปภาพ อีกทั้งยังละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เขียนอีกด้วย </span></p> <p style="text-align: center"><span style="color: #FF0000"><br /></span></p> <p style="text-align: center"><span style="color: #FF0000">***หากต้องการนำไปเผยแพร่ ให้ขออนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรกับผู้เขียนผ่านทางอีเมล์ก่อนครับ ขอบคุณครับ (Email: <a href="mailto:uppsala1989@hotmail.com">uppsala1989@hotmail.com</a>)</span></p><p>[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="RacingWeb, post: 2080839, member: 9984"][B]Aerodynamics Kits[/B] "Aerodynamics kits (Aero kits)" ก็คือชุดแต่งรอบคัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเชิงอากาศพลศาสตร์ให้กับรถ ซึ่งหมายถึง สร้างแรงกดและลดแรงต้านนั่นเอง Aero kits หนึ่งชุดจะประกอบด้วยพาร์ทย่อยอีกหลายชิ้น ยกตัวอย่างเช่น กันชนหน้าหลัง ลิ้นหน้า สเกิร์ตข้าง สปอยเลอร์ คานาร์ด และอื่นๆ อีกมากมาย หลายๆ ท่านอาจจะเคยได้ยินคำว่า "Body kits" และกำลังสับสนระหว่าง "Aero kits" กับ "Body kits" ตกลงมันคืออันเดียวกันหรือเปล่า? แตกต่างกันอย่างไร? ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร แต่ตามความเข้าใจของผมแล้ว คิดว่า "Body kits" น่าจะหมายถึงชุดแต่งที่ออกแบบโดยเน้นความสวยงามเป็นหลัก เช่น ชุดแต่งรอบคันที่มีมาให้จากโรงงาน แต่ "Aero kits" นั้น คือชุดแต่งที่ออกแบบโดยคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ สามารถควบคุมอากาศที่ไหลผ่านตัวรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มสมรรถนะของรถให้ได้มากที่สุด ต่อไปจะเป็นการเปรียบเทียบระหว่างรถที่ใส่ Aero kits แบบบ้านๆ กับรถที่ใส่ Aero kits แบบเต็มยศ คันด้านซ้าย คือ Mitsubishi Lancer Evolution VII เรียกสั้นๆว่า EVO7 ขับเคลื่อน 4 ล้อฟูลไทม์ เครื่องยนต์ความจุ 2 ลิตร เทอร์โบ โดดเด่นในเรื่องของสมรรถนะที่เกินตัว รวมไปถึงการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ทำให้ครองใจสาวกขับเคลื่อนสี่ล้อทั่วโลกมาอย่างยาวนาน คันนี้ไม่ได้มีการติดตั้ง Aero kits เพิ่มเติมแต่อย่างใด เรียกได้ว่าออกมาจากโรงงานยังไงก็เป็นยังงั้น ส่วนคันด้านขวานั้น …? คุ้นๆ ไหมครับ ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าปลาการ์ตูน "NEMO" นั่นเอง อีโวสุดโหดสายพันธุ์ Time Attack จากแดนจิงโจ้ ...ใช่แล้วครับ "NEMO" คันนี้ก็คือ EVO7 เช่นเดียวกันกับคันทางด้านซ้ายมือ โอ้ววว... ไม่น่าเชื่อเลยว่ามันเคยมีหน้าตาเหมือนกันมาก่อน ชุดเกราะของเจ้าปลาการ์ตูนนั้น ออกแบบโดย "Andrew Brilliant" นักอากาศพลศาสตร์ชาวอเมริกันมากประสบการณ์ ซึ่งเคยออกแบบและพัฒนารถแข่ง Super GT รวมไปถึงรถแข่ง Le Mans และในการออกแบบ Aero kits ชุดนี้ "Andrew" ได้ใช้ซอฟแวร์ CFD ในการออกแบบ ซึ่งเป็นซอฟแวร์อันเดียวกันที่ใช้ในการออกแบบรถแข่งฟอร์มูล่าวัน!! ทำให้ชุดเกราะของ NEMO เป็น Aero kits ของอีโวที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลกในตอนนี้!! [CENTER][IMG]https://lh5.googleusercontent.com/-Ty3WJbi0n3w/Ua0Pi_8UzwI/AAAAAAAABLU/AdJwBLR33jc/s912/df-17.png[/IMG] Mitsubishi Lancer Evo VII, Mitsubishi Lancer Evo VII close to F1 car | carsguide.com.au[/CENTER] อีโวคันด้านซ้ายนั้น ได้มีการทดสอบหาแรงกดและแรงต้านในอุโมงค์ลม ผลปรากฎว่า ที่ความเร็ว 200 km/h สามารถสร้างแรงกดได้ 45 kg ซึ่งถือว่าเยอะมากสำหรับบอดี้ซีดานสี่ประตู แรงกดทั้งหมดที่สร้างได้จะกดลงที่ล้อหน้าเป็นส่วนใหญ่ (แรงกดที่ล้อหน้า : 37 kg, แรงกดที่ล้อหลัง 8 kg)[7] การกระจายแรงกดแบบนี้จะช่วยลดอาการหน้าดื้อหรือ Under-steer ซึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมชาติของรถขับเคลื่อนสี่ล้ออยู่แล้ว ส่วนเจ้า "NEMO" ที่ความเร็ว 200 km/h สามารถสร้างแรงกดได้ประมาณ 600 kg หรือมากกว่าอีโวธรรมดาถึง 13 เท่า!! ส่วนอัตราส่วนแรงกดหน้า-หลังนั้นยังไม่มีข้อมูล แต่คิดว่าแรงกดด้านหน้าต้องมากกว่าแรงกดด้านหลังแน่นอน เพื่อลดอาการหน้าดื้ออย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว ด้วยแรงกดมหาศาลนี้ ทำให้ "NEMO" เข้าโค้งด้วยความเร่งมากถึง 2G ในขณะที่อีโวเดิมๆ สามารถเข้าโค้งได้ไม่เกิน 1G ซึ่งหมายความว่า "NEMO" สามารถเข้าโค้งได้เร็วมากกว่าอีโวปกติประมาณ 1.4 เท่า สมมติว่าอีโวเดิมๆ สามารถเข้าโค้งด้วยความเร็ว 150 km/h โดยที่ยังไม่หลุดโค้ง แต่ "NEMO" สามารถเข้าโค้งเดียวกันนี้ ด้วยความเร็วมากกว่า 210 km/h เลยทีเดียว ถึงตอนนี้คงไม่มีใครปฏิเสธได้แล้วว่า "ถ้าได้ Aero kits ที่ดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วหล่ะ!!" ต่อไปจะเป็นการอธิบายรายละเอียดของ "Aerodynamics Components" หรือเรียกสั้นๆ ว่า "Aero parts" ว่ามีกี่ชิ้น แต่ละชิ้นทำหน้าที่อะไรบ้าง [B]ลิ้นหน้า (Splitter)[/B] "ลิ้นหน้า" หรือ "Splitter" เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งไว้ที่ด้านล่างของ Bumper มีลักษณะเป็นแผ่นเรียบขนานกับพื้น อาจจะทำมากจากคาร์บอนไฟเบอร์หรือวัสดุอื่นๆ ก็ได้ สำหรับรถแข่งที่มีสมรรถนะสูงๆ จะมีแท่งซัพพอร์ต (Support rods) เพื่อยึดลิ้นหน้าไว้กับโครงรถ ป้องกันไม่ให้ลิ้นหน้าเสียรูปเมื่อรับแรงกดมากๆ วัตถุประสงค์ของลิ้นหน้า คือ สร้างแรงกดให้กับด้านหน้าของรถ เพิ่มการยึดเกาะให้กับล้อหน้า หรือลดอาการ Under-steer นั่นเอง จริงๆ แล้ว Splitter ไม่สามารถสร้างแรงกดได้จากตัวมันเอง หน้าที่ของ Splitter คือแบ่งอากาศออกเป็นสองโซน ได้แก่ โซนความดันสูงและโซนความดันต่ำ โซนความดันสูงคือโซนที่อากาศไหลมาปะทะกับ Bumper ทำให้การไหลของอากาศจะอั้นอยู่ที่บริเวณนี้ ไม่สามารถไหลต่อไปได้ อากาศจึงมีความเร็วต่ำมาก หรืออาจจะมีค่าเท่ากับศูนย์เลยก็ได้ (เรียกว่า "Stagnation Point") สรุปคือ การที่อากาศไหลได้ไม่สะดวกนี่เองเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความดันสูง ส่วนโซนที่สองคือโซนความดันต่ำ คือโซนที่อากาศไหลผ่านใต้ท้องรถนั่นเอง เนื่องจากไม่มีอะไรมาขวางทางการไหล จึงทำให้อากาศไหลได้สะดวก มีความเร็วสูงและมีความดันต่ำ Splitter จะแบ่งโซนทั้งสองโซนให้แยกออกจากกัน เมื่อความดันด้านบนมากกว่าด้านล่างแล้วจะทำให้เกิดแรงกดลงที่พื้นผิวของ Splitter แรงกดนี้จะเพิ่มขึ้นตามความเร็ว ความเร็วที่ Splitter สามารถสร้างแรงกดได้นั้น โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 120 km/h ขึ้นไป ถ้าความเร็วต่ำกว่านี้ แรงกดที่สร้างได้จะน้อยมากๆ ไม่มีประโยชน์ ไม่ได้ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนแต่อย่างใด [CENTER][IMG]https://lh4.googleusercontent.com/-DAGkUaPdp6E/Ua0PgW7NNFI/AAAAAAAABK0/ZdzU-ng273Q/s602/df-18.jpg[/IMG] [IMG]https://lh3.googleusercontent.com/-LPw7b_W8Mi4/Ua0PgwS2qbI/AAAAAAAABK8/0eV1SJREyAE/s672/df-19.jpg[/IMG] [IMG]https://lh6.googleusercontent.com/-8Xp7BLPbo-4/Ua0PhlKy2hI/AAAAAAAABLE/I73f1kfduw4/s558/df-20.png[/IMG] 2012 Boss 302S - 2012 Boss 302S Front Splitter - Ford Mustang Pictures Gallery[/CENTER] [B]คานาร์ด (Canard)[/B] คานาร์ดเป็นแผ่นสามเหลี่ยม โดยมากทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ มีหน้าที่สร้างแรงกดที่ด้านหน้ารถ โดยมีหลักการอยู่ว่า เมื่ออากาศไหลผ่าน ครีบทั้งสองอันจะเปลี่ยนทิศทางของการไหลอากาศให้ไหลขึ้นข้างบน โมเมนตัมของอากาศที่ไหลขึ้นจะทำให้เกิดแรงสุทธิซึ่งมีทิศทางลงสู่พื้นโลก นั่นก็คือสร้างแรงกดนั่นเอง นอกจากนี้แล้ว ครีบทั้งสองอันนี้ยังสามารถสร้างลมหมุน (Vortex) ซึ่งลมหมุนนี้จะเกิดขึ้นที่ด้านข้าง หมุนวนไปตลอดความยาวของรถ (ดูรูปประกอบ) ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นเหมือนผ้าม่าน กั้นความดันระหว่างโซนความดันสูงกับโซนความดันต่ำ (กั้นระหว่างอากาศที่ไหลเหนือรถขึ้นไปกับอากาศที่ไหลใต้ท้องรถ) การทำเช่นนี้จะทำให้รถสามารถสร้างแรงกดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คานาร์ดเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีประสิทธิภาพมากเท่าไหร่ (เมื่อเปรียบเทียบกับ Front wings ของ Formula1) เพราะว่าสามารถสร้างแรงกดได้น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับแรงต้านอากาศที่เพิ่มขึ้น โดยปกติแล้วจะสามารถพบเห็นได้ในรถแข่งที่มีพื้นฐานมาจากรถที่วิ่งบนท้องถนนทั่วไป (Production cars) เช่น รถแข่ง GT500 หรือ V8 Supercar รถแข่งเหล่านี้ได้มีการโมดิฟายในระดับสูง จนสามารถใช้ความเร็วในระดับ 200km/h ขึ้นไป ยิ่งความเร็วสูงมากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพของคานาร์ดก็จะเพิ่มขึ้น ในปัจจุบัน คานาร์ดยังได้รับความนิยมในกลุ่มรถแต่งซิ่งที่วิ่งกันบนท้องถนน เพราะนอกจากจะเพิ่มแรงกดให้กับรถแล้ว การติดตั้งคานาร์ดยังทำให้รถดูสวยงาม ดุดัน ทำให้ดูเป็นตัวซิ่งมากยิ่งขึ้น [CENTER][IMG]https://lh4.googleusercontent.com/-HcPlKscPohU/Ua0Pjv0IbjI/AAAAAAAABLc/iOcaP0MoVjU/s921/df-21.png[/IMG][/CENTER] [B]สเกิร์ตข้าง (Side Skirt)[/B] "Side Skirt" หรือ "สเกิร์ตข้าง" มีหน้าที่กั้นอากาศภายนอก (ความดันสูง) ไม่ให้เข้ามาใต้ท้องรถ (ความดันต่ำ) ถ้าไม่มีสเกิร์ตข้างจะทำให้อากาศภายนอกไหลเข้ามาใต้ท้องรถ (ปกติแล้ว อากาศที่มีความดันสูงจะไหลไปหาอากาศที่มีความดันต่ำ) ซึ่งจะทำให้ความดันใต้ท้องรถมีค่าเพิ่มขึ้น แรงกดที่สร้างได้จะลดลง ในกรณีที่แย่ที่สุดคือเกิดแรงยก (Lift) ขึ้นมาแทน แรงยกจะทำให้ความสามารถในการยึดเกาะถนนลดลง ความเสถียรของรถจะลดลงโดยเฉพาะเมื่อขับด้วยความเร็วสูง ประสิทธิภาพของสเกิร์ตขึ้นอยู่กับระยะห่างระหว่างพื้นถนนและสเกิร์ต ยิ่งสเกิร์ตต่ำมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีเพราะจะกั้นไม่ให้อากาศภายนอกเข้ามาใต้ท้องรถได้ดีกว่า รถแข่งสมรรถนะสูงบางคัน มีระยะห่างระหว่างถนนและสเกิร์ตเพียงแค่ 2 cm เท่านั้นเอง (หรืออาจจะน้อยกว่า) [CENTER][IMG]https://lh3.googleusercontent.com/-0r9KTH9JwG4/Ua0Pi2v-xUI/AAAAAAAABLg/4rTBopXXtBs/s639/df-22.jpg[/IMG] Voltex Side Skirts (Cyber Edition) Mitsubishi EVO VII VIII IX 01-07 - Voltex - Exterior - Styling - Mitsubishi Evo - Home - JW Racing [IMG]https://lh5.googleusercontent.com/-zFLCmojXnk8/Ua0PkftaRKI/AAAAAAAABLw/Z-aR_p1mhCs/s555/df-23.png[/IMG] Garage Revolution Mazda RX-7 to Contest World Time Attack Challenge [video] | AutoGuide.com News[/CENTER] [B]ปีกหลังหรือสปอยเลอร์ (Rear Wing or Spoiler)[/B] หลักการของสปอยเลอร์นั้นเหมือนกับหลักการของปีกเครื่องบินทุกประการ ต่างกันที่วัตถุประสงค์เท่านั้น วัตถุประสงค์ของปีกเครื่องบินคือสร้างแรงยก ส่วนวัตถุประสงค์ของสปอยเลอร์คือสร้างแรงกด นั่นหมายความว่าสปอยเลอร์ก็คือปีกเครื่องบินที่ถูกพลิกกลับด้านนั่นเอง (Inverted wing) แรงกดที่เกิดจากสปอยเลอร์จะถ่ายทอดลงสู่ยางหลังเสียเป็นส่วนใหญ่ (ท้ายหนักขึ้นนั่นเอง) นั่นหมายความว่าการติดสปอยเลอร์จะทำให้ยางหลังมีการยึดเกาะที่ดีขึ้น ท้ายรถจะนิ่งขึ้นเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง [CENTER][IMG]https://lh3.googleusercontent.com/-2mOMGLI8ZZs/Ua0Pj5quLhI/AAAAAAAABLo/YaAzxyKa0vA/s450/df-24.jpg[/IMG] [IMG]https://lh3.googleusercontent.com/-GorGXDBAKm0/Ua0Pk5XGglI/AAAAAAAABL8/Wvg_a0sEiJs/s695/df-25.png[/IMG] Varis - Vortex Generator - Nengun Performance[/CENTER] นอกเหนือจากสร้างแรงกดแล้ว การติดตั้งสปอยเลอร์ยังเป็นการเพิ่มความสวยงามให้กับรถด้วย ประกอบกับปัจจุบันนี้มีสปอยเลอร์หลากหลายรูปทรงหลากหลายราคาให้เลือกสรร สปอยเลอร์จึงนับเป็นแอโรพาร์ทชิ้นหลักๆ ที่ขาซิ่งจะซื้อมาใส่เพื่อเพิ่มความเป็นเรซซิ่งให้กับรถตนเอง สปอยเลอร์ที่มีราคาสูงบางอันจะสามารถปรับมุมปีกได้ มุมนี้เรียกว่า "มุมปะทะ(Angle of attack)" แรงกดที่สร้างได้อาจจะเพิ่มขึ้นมหาศาลเพียงแค่ปรับมุมปะทะไม่กี่องศา โดยที่ เมื่อมุมปะทะมากขึ้น แรงกดก็จะมากขึ้น แต่แรงต้านอากาศก็จะมากขึ้นตามไปด้วย สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะให้ท่านผู้อ่านได้ทราบเกี่ยวกับสปอยเลอร์นั่นก็คือ "ไม่มีสปอยเลอร์อันไหนดีที่สุดในโลก" นั่นหมายความว่า สปอยเลอร์อันใดอันหนึ่งจะสามารถแสดงประสิทธิภาพได้มากที่สุดก็ต่อเมื่อติดตั้งอยู่บนรถคันใดคันหนึ่งเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น สปอยเลอร์รุ่นหนึ่งถูกออกแบบมาสำหรับ Nissan Skyline GT-R R34 เมื่อทดสอบแล้วปรากฎว่า สามารถสร้างแรงกดได้มาก การควบคุมรถที่ความเร็วสูงทำได้ดี แต่เมื่อเอาสปอยเลอร์อันเดียวกันนี้ไปติดตั้งกับรถ Mitsubishi EVO VIII ปรากฎว่า สร้างแรงกดได้ไม่เท่ากัน แรงกดที่สร้างได้น้อยกว่าของ R34 ทำไมจึงเป็นเช่นนี้? ทั้งๆ ที่สปอยเลอร์เป็นอันเดียวกัน? ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่า แรงกดที่สร้างขึ้นนั้น นอกจากจะขึ้นอยู่กับความเร็วของรถแล้ว ยังขึ้นอยู่กับทิศทางของลมที่ไหลเข้ามาปะทะด้วย ลมที่ไหลเข้ามาปะทะกับสปอยเลอร์นั้นส่วนใหญ่จะไหลผ่านหลังคารถ (มีบางส่วนที่มาจากด้านข้าง) และแน่นอนว่าทิศทางการไหลของอากาศก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะของหลังคา ในกรณีนี้ R34 กับ EVO VIII มีลักษณะของหลังคาที่แตกต่างกัน แตกต่างกันทั้งความสูงและความลาดเอียง ดังนั้นทิศทางการไหลของอากาศที่ปะทะกับสปอยเลอร์ก็จะไม่เหมือนกัน ส่งผลให้สร้างแรงกดได้ไม่เท่ากันนั่นเอง แต่ถ้าเป็นรถที่มีลักษณะหลังคาคล้ายๆ กัน เช่น GT-R R34 กับ R32 เมื่อติดตั้งสปอยเลอร์อันเดียวกันแล้วแรงกดที่สร้างได้จะมีค่าใกล้เคียงกันมาก [B]ครีบเจอร์นี (Gurney flap)[/B] เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่ติดตั้งเข้าอยู่กับสปอยเลอร์ มีลักษณะเป็นครีบตั้งฉาก จะถูกติดไว้ด้านท้ายของสปอยเลอร์ (สปอยเลอร์บางรุ่นจะมีครีบเจอร์นีติดมาให้อยู่แล้ว หรืออาจจะทำเป็นชิ้นเดียวกันกับสปอยเลอร์ ทำให้มีความแข็งแรงมากกว่า) ประโยชน์ของครีบเจอร์นีคือเพิ่มแรงกดให้กับสปอยเลอร์ โดยมีหลักการอยู่ว่า เมื่ออากาศไหลผ่านสปอยเลอร์แล้วปะทะเข้ากับครีบเจอร์นี ความเร็วของการไหลจะลดลงอย่างมากเพราะครีบมันตั้งขวางทางลมนั่นเอง ส่งผลให้ความดันอากาศด้านบนมีค่าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ปีกสามารถสร้างแรงกดได้มากกว่าปกตินั่นเอง ข้อเสียคือ การใส่เจอร์นีจะทำให้แรงต้านอากาศของปีกมีค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับขนาดและองศาของเจอร์นี แต่จริงๆ แล้วแรงต้านอากาศจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเปรียบเทียบกับแรงกดที่เพิ่มขึ้น นับได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพอีกชิ้นหนึ่ง [CENTER][IMG]https://lh6.googleusercontent.com/-oOhMuaEudQ8/Ua0PmRYv7mI/AAAAAAAABMQ/A7-nOT_wQ3k/s912/df-26.png[/IMG] [IMG]https://lh3.googleusercontent.com/-kQF8vst4nrc/Ua0Plme_78I/AAAAAAAABL4/ttNWd2ScYAM/s479/df-27.png[/IMG][/CENTER] [B]ดิฟฟิวเซอร์ (Diffuser)[/B] ดิฟฟิวเซอร์ถูกติดตั้งไว้ที่ใต้ท้องรถด้านท้าย เพื่อเร่งให้อากาศที่ไหลผ่านใต้ท้องรถมีความเร็วสูงมากขึ้น เมื่ออากาศที่ไหลผ่านใต้ท้องรถมีความเร็วสูงขึน ความดันใต้ท้องรถก็จะลดลงด้วย แรงกดจะกดให้รถติดกับพื้น แรงกดที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดขึ้นแค่บริเวณที่มีดิฟฟิวเซอร์เท่านั้น (ไม่ได้เกิดขึ้นที่ท้ายรถเท่านั้น) แต่แรงกดนี้จะกระจายทั่วทั้งคัน (สำหรับรถ Formula1 แล้ว ดิฟฟิวเซอร์ถือเป็นอุปกรณ์ที่สามารถสร้างแรงกดได้มากที่สุด คิดเป็นประมาณ 40% ของแรงกดทั้งหมด) นอกเหนือจากการสร้างแรงกดให้รถแล้ว ดิฟฟิวเซอร์ยังลดแรงต้านอากาศอันเนื่องมาจากการไหลปั่นป่วนของอากาศ (Turbulent flow) ที่เกิดขึ้นด้านท้ายรถอีกด้วย การไหลปั่นป่วนนี้จะทำให้ความดันอากาศที่ท้ายรถมีค่าน้อยลงเมื่อเทียบกับความดันอากาศด้านหน้ารถ ทำให้เกิดแรงต้านดังที่ได้อธิบายไปแล้วในหัวข้อ "อากาศพลศาสตร์ของรถยนต์" ยิ่งอากาศท้ายรถไหลปั่นป่วนมาก ก็จะยิ่งเกิดแรงต้านมาก ดิฟฟิวเซอร์จะลดความปั่นป่วนนี้โดยการลดความเร็วของอากาศท้ายรถ ทำให้อากาศที่ไหลออกมามีความเป็นระเบียบมากขึ้น ความดันที่ท้ายรถจึงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้แรงต้านอากาศลดลง ดิฟฟิวเซอร์จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็ต่อเมื่อใช้ร่วมกับแผ่นปิดใต้ท้องรถ หรือเรียกว่า Undertray แผ่นปิดใต้ท้องรถจะช่วยจัดเรียงการไหลของอากาศให้มีระเบียบมากขึ้นและยังเพิ่มความความเร็วของอากาศก่อนที่จะเข้าดิฟฟิวเซอร์ สรุปคือ หน้าที่ของดิฟฟิวเซอร์มีสองอย่าง จำง่ายๆ ว่า "สร้างแรงกดและลดแรงต้าน" 1.สร้างแรงกด โดยการเร่งให้อากาศใต้ท้องรถไหลเร็วขึ้น 2.ลดแรงต้าน โดยการลดความเร็วของอากาศก่อนปล่อยออกมาด้านท้ายรถ [CENTER][IMG]https://lh6.googleusercontent.com/-7XJ4kL78mF0/Ua0PnIew61I/AAAAAAAABMI/2HBoqzuPcx4/s640/df-28.jpg[/IMG] MacG Racing - Exige Modifications [IMG]https://lh4.googleusercontent.com/-F0Z3qjyAcfE/Ua0PqQUVjxI/AAAAAAAABMw/yt0RwyNrvQE/s815/df-29.png[/IMG] WTAC Part 2 | Circuit Threads[/CENTER] [B]ตัวสร้างลมหมุน (Vortex Generator)[/B] "Vortex generator" หรือเรียกสั้นๆ ว่า "VG" มีลักษณะเป็นครีบขนาดเล็ก จำนวนหลายๆ ครีบ ส่วนใหญ่จะติดตั้งที่ปีกของอากาศยานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของปีก หน้าที่ของ VG คือ สร้างลมหมุน (Vortex generation) โดยปกติแล้ว ลมหมุน เป็นปรากฎการณ์ที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น (ลมหมุนหมายถึงลมที่ไหลไม่เป็นระเบียบ มีความเร็วสูง และไม่มีทิศทางแน่นอน ดูรูปประกอบ) เพราะนอกจากจะทำให้เกิดแรงต้านมากขึ้นแล้ว ยังทำให้แรงยกของปีกมีค่าลดลงไปด้วย แต่ลมหมุนที่สร้างขึ้นมาจาก VG นั้น เป็นลมหมุนที่มีขนาดเล็ก มีรัศมีในการหมุนควงน้อยมากทำให้อากาศไหลแบบบิดเป็นเกลียว มีเส้นทางการไหลที่แน่นอนและราบเรียบ ไม่สะเปะสะปะ (ดูรูปประกอบ) ส่งผลให้การไหลของอากาศนั้นราบเรียบไปกับพื้นผิว (ไม่เกิดการแยกตัวหรือเรียกว่า Flow separation) ซึ่งจะทำให้แรงต้านอากาศลดลง และสามารถสร้างแรงยกได้เพิ่มขึ้น [CENTER][IMG]https://lh4.googleusercontent.com/-F60i-Ykj-K0/Ua0Pn0iH6BI/AAAAAAAABMY/QLBWxsWZX0E/s610/df-30.jpg[/IMG] [IMG]https://lh4.googleusercontent.com/-BPwvodi1FCY/Ua0PoNJ6jYI/AAAAAAAABMc/dJ1FwmNq3DE/s514/df-31.png[/IMG][/CENTER] แล้ว VG มันมาเกี่ยวข้องกับรถแข่งได้อย่างไรกันล่ะ? VG ถูกนำมาประยุกต์ใช้กับรถยนต์ด้วยเช่นกัน ที่เห็นกันบ่อยๆ นั่นก็คือ VG ที่ติดอยู่บนหลังคาของ Mitsubishi Lancer Evolution นั่นเอง นี่แหละครับที่เรียกว่า เทคโนโลยีจากอากาศยานอย่างแท้จริง หลักการของมันก็เหมือนกับ VG ที่ติดกับปีกเครื่องบินนั่นแหละครับ เมื่ออากาศไหลผ่านหลังคารถแล้วปะทะกับ VG จะทำให้อากาศไหลราบเรียบไปกับกระจกหลัง ลดการแยกตัวของอากาศ ซึ่งจะทำให้แรงต้านอากาศโดยรวมมีค่าลดลง และถ้ามีการติดตั้งสปอยเลอร์ไว้ จะทำให้สปอยเลอร์สร้างแรงกดได้มากขึ้น เป็นผลอันเนื่องมาจากอากาศที่เข้ามาปะทะสปอยเลอร์นั้นไหลอย่างเป็นระเบียบมากขึ้น โดยสรุปแล้ว VG ที่ติดตั้งในรถยนต์นั้นมีวัตถุประสงค์หลักก็คือลดแรงต้านอากาศ ซึ่งจะทำให้ความเร็วสูงสุดมีค่าเพิ่มขึ้น รวมถึงประหยัดน้ำมันมากขึ้น รวมถึงแรงกดที่สร้างได้จะมีค่าเพิ่มขึ้น (เคยมีการทดสอบประสิทธิภาพของ VG ที่ถูกติดตั้งใน Mitsubishi Lancer Evolution VIII ผลปรากฎว่าสามารถลดแรงต้านอากาศได้ 1.7%)[8] [CENTER][IMG]https://lh3.googleusercontent.com/-nzHcWSUKbGQ/Ua0PqL3tsXI/AAAAAAAABM0/0wICP6A6bEU/s511/df-32.png[/IMG] [IMG]https://lh3.googleusercontent.com/-tO6VfyxxIao/Ua0PqMSlqMI/AAAAAAAABMs/QQkMXAiI0tU/s488/df-33.png[/IMG] [IMG]https://lh4.googleusercontent.com/-viZIZVvrY7I/Ua0PrOK-lLI/AAAAAAAABM8/hwplw_kPkTA/s449/df-34.png[/IMG][/CENTER] [B]บทสรุป[/B] ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1950-1960 ซึ่งเป็นยุคบุกเบิกของการแข่งขันรถฟอร์มูล่าวัน ในยุคนั้น "เครื่องยนต์" ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของรถก็ว่าได้ เพราะว่ากำลังของเครื่องยนต์เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ได้รับชัยชนะ เรียกได้ว่าใครมีแรงม้ามากกว่า ก็มีโอกาสชนะมากกว่า เพราะฉะนั้นวิศวกรของแต่ละทีมจึงทุ่มเทเวลาและเงินทุนให้กับการสร้างเครื่องยนต์เพื่อให้มีแรงม้ามากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1960-1970 วิศวกรได้เริ่มเห็นถึงความสำคัญของอากาศพลศาสตร์ ในยุคนี้ หลายทีมเริ่มออกแบบรถโดยคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์มากขึ้น ทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคนี้ ก็คือทีม "Lotus F1" รถแข่งของทีมนี้มีชื่อว่า "Lotus72" ถูกออกแบบให้สามารถสร้างแรงกดได้มากขึ้น ทำให้สามารถเข้าโค้งได้เร็วกว่าเดิมประมาณ 15km/h[9] ซึ่งถือว่าเร็วมากๆ ในยุดนี้ ถึงเครื่องยนต์จะมีแรงม้ามาก แต่ถ้าไม่ได้ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ก็ไม่มีทางชนะแน่นอน ยุคนี้ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของวงการฟอร์มูล่าวันเลยทีเดียว [CENTER][IMG]https://lh6.googleusercontent.com/-0pw8084DmfY/Ua0PsmIKu8I/AAAAAAAABNE/3Ct7j4z_XUY/s987/df-35.png[/IMG] lotus 72[/CENTER] อากาศพลศาสตร์เริ่มเข้ามามีบทบาทกับรถยนต์มากขึ้นเรื่อยๆ จะรถบ้านหรือรถแข่ง ก็ต้องคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ด้วยกันทั้งนั้น เนื่องจากอากาศพลศาสตร์มีผลกระทบโดยตรงกับสมรรถนะและการควบคุมรถ ถ้าออกแบบได้ถูกต้องตามหลักการแล้ว ก็จะได้ประโยชน์มหาศาล ในทางกลับกัน ถ้าออกแบบไม่ดีหรือออกแบบโดยคำนึงเฉพาะความสวยงาม จะกลับกลายเป็นว่าได้ผลเสียมากกว่าผลดี สำหรับรถแข่งสมรรถนะสูงอย่างเช่นพวก ฟอร์มูล่าวัน หรืออินดี้คาร์ อากาศพลศาสตร์สามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้เลยทีเดียว การออกแบบรถแข่งตามหลักอากาศพลศาสตร์นั้น เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนมาก เนื่องจากประสิทธิภาพในการสร้างแรงกดของชุดแอโรพาร์ทนั้นขึ้นอยู่กับความเร็วในการแข่งขันเป็นหลัก แต่ในหนึ่งฤดูกาลแข่งขัน ต้องแข่งขันกันหลายสนาม และแต่ละสนามก็มีความเร็วในการแข่งขันไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างเช่น สนาม "Curcuit de Spa" ในประเทศ Belgium เป็นสนามที่มีโค้งความเร็วสูงหลายโค้ง ดังนั้นต้องทำการปรับให้แอโรพาร์ทสร้างแรงกดให้ได้มากกว่าปกติ ก่อนจะจบบทความนี้ ขอย้อนกลับมาที่บ้านเราไทยแลนด์ ถ้าพูดถึงรถแต่งในท้องถนนบ้านเราแล้ว จะพบว่าปัจจุบันนี้มีการใส่ชุดแอโรพาร์ทกันมากขึ้น ไม่ว่าจะมีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อความสวยงาม หรือต้องการเพิ่มสรรถนะของรถก็แล้วแต่ อยากฝากไว้ในเรื่องของความปลอดภัยด้วย แอโรพาร์ทนั้นมีทั้งประโยชน์และโทษ ถ้าออกแบบมาดี ติดตั้งได้ถูกต้องก็ดีไป แต่ถ้าได้ของไม่มีคุณภาพหรือว่าติดตั้งไม่ถูกวิธี อันนี้อันตรายนะครับ ยกตัวอย่างเช่น ต้องการให้ท้ายรถนิ่งขึ้น จึงไปติดตั้งสปอยเลอร์ขนาดใหญ่แบบ GT wing แต่ติดแล้วสปอยเลอร์มันไปบังกระจกมองหลัง ลำบากล่ะทีนี้ อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการเลือกชุดแอโรพาร์ท นั่นก็คือความแข็งแรงของชุดแอโรพาร์ท เพราะว่ารถเราไม่ได้วิ่งแค่ 30-40 km/h แต่บางทีใช้ความเร็วสูงถึง 150-160 km/h แรงกดที่แอโรพาร์ทสร้างได้มีค่าเป็นหลักสิบหลักร้อยกิโลกรัม ลองคิดตามนะครับ สมมติผมมีรถคันหนึ่ง ติดแอโรพาร์ทรอบคัน คานาร์ด สปอยเลอร์หลัง และได้ทำการบาลานซ์สมดุลแรงกดอย่างดี วันดีคืนดีเกิดอารมณ์ "Need For Speed" ขึ้นมา เลยเอารถออกไปวิ่งเล่นซะหน่อย ขณะกำลังขับที่ความเร็ว 180 km/h ทันใดนั้น คานาร์ดข้างขวาเกิดหักและปลิวออกไป รถจะเสียสมดุลแรงกดทันที (อารมณ์เดียวกับยางแตกนั่นแหละครับ) ถ้ารถเกิดเสียหลักแล้วควบคุมรถไม่ได้ ที่ความเร็วขนาดนี้ ความเสียหายคงไม่ใช่น้อยๆ แน่นอน สำหรับรถแข่งสมรรถนะสูง อย่างเช่น ฟอร์มูล่าวัน หรือนาสคาร์ (Nascars) ถ้าแอโรพาร์ทเกิดความเสียหายระหว่างแข่งขัน นั่นหมายความว่าโอกาสที่จะได้รับชัยชนะนั้นแทบจะเป็นศูนย์ทันที [U]อ้างอิง (References)[/U] [1] [URL='http://www.miataturbo.net/insert-bs-here-4/windtunnel-photos-various-cars-67417/']Windtunnel photos of various cars - Miata Turbo Forum - Turbo Kitten is watching you test compression.[/URL] [2] [URL='http://en.wikipedia.org/wiki/Automobile_drag_coefficient']Automobile drag coefficient - Wikipedia, the free encyclopedia[/URL] [3] [URL='http://en.wikipedia.org/wiki/Formula_One']Formula One - Wikipedia, the free encyclopedia[/URL] [4] [URL='http://www.advanwheels.com.au/racing/car.aspx?id=55&eid=12']ADVAN Wheels - World Time Attack 2012 - Nemo Racing Evo[/URL] [5] [URL='http://www.carsguide.com.au/news-and-reviews/car-news/lancer_evo_7']Mitsubishi Lancer Evo VII close to F1 car | carsguide.com.au[/URL] [6] [URL='http://en.wikipedia.org/wiki/Chris_Rado']Chris Rado - Wikipedia, the free encyclopedia[/URL] [7] [URL='http://www.miataturbo.net/insert-bs-here-4/windtunnel-photos-various-cars-67417/']Windtunnel photos of various cars - Miata Turbo Forum - Turbo Kitten is watching you test compression.[/URL] [8] [URL]http://www.autospeed.com/A_3059/cms/article.htm[/URL] [9] [URL]http://www.f1network.net/main/s107/st22394.htm[/URL] [U]ขอขอบคุณ (Special Thanks)[/U] [URL='http://world.honda.com/NSX/']Honda Worldwide | Automobiles | NSX-R[/URL] [URL='http://www.worldtimeattack.com/']World Time Attack Challenge | 18th โ€“ 19th October, Sydney Motorsport Park, Australia[/URL] [URL='http://www.modified.com/tech/0610sccp_automotive_aerodynamics_part_2/viewall.html']Automotive Aerodynamics - Sport Compact Car Magazine[/URL] [URL='http://www.formula1-dictionary.net/']Formula 1 Dictionary[/URL] [CENTER][COLOR=#FF0000]***ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ทั้งเนื้อหาภายในบทความรวมไปถึงรูปภาพประกอบของบทความนี้ ดังนั้น [B]ห้ามเผยแพร่ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของบทความนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต[/B] เนื่องด้วยรูปภาพประกอบบทความทั้งหลายนี้ ผู้เขียนได้ทำการขออนุญาตจากเจ้าของภาพอย่างถูกต้องแล้ว ดังนั้นการนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจะถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของเจ้าของรูปภาพ อีกทั้งยังละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เขียนอีกด้วย ***หากต้องการนำไปเผยแพร่ ให้ขออนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรกับผู้เขียนผ่านทางอีเมล์ก่อนครับ ขอบคุณครับ (Email: [EMAIL]uppsala1989@hotmail.com[/EMAIL])[/COLOR][/CENTER][/QUOTE]
เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
เข้าสู่ระบบด้วย Google
ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:
คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?
ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
ลืมรหัสผ่านของคุณ?
อยู่ในระบบตลอดเวลา
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Portal
>
Articles
>
อากาศพลศาสตร์ของรถแข่ง (Race Car Aerodynamics)
>
X
หน้าแรก
หน้าแรก
Quick Links
โพสต์ล่าสุด
กิจกรรมล่าสุด
ผู้เขียน
ฟอรั่ม
ฟอรั่ม
Quick Links
ค้นหาฟอรั่ม
โพสต์ล่าสุด
ประกาศซื้อขาย
ประกาศซื้อขาย
Quick Links
ค้นหาประกาศซื้อขาย
กิจกรรมล่าสุด
ผู้ค้าขายคะแนนสูงสุด
สื่อ/วิดีโอ
สื่อ/วิดีโอ
Quick Links
Search Media
New Media
สมาชิก
สมาชิก
Quick Links
สมาชิกที่โดดเด่น
สมาชิกที่ลงทะเบียน
ผู้ใช้งานในขณะนี้
กิจกรรมล่าสุด
โพสต์ข้อมูลส่วนตัวใหม่
เมนู
ค้นหาเฉพาะชื่อ
โพสต์โดยสมาชิก:
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ใหม่กว่า:
ค้นหาเฉพาะหัวข้อนี้
ค้นหาเฉพาะฟอรั่มนี้
แสดงผลเป็นหัวข้อ
การค้นหาที่มีประโยชน์
โพสต์ล่าสุด
เพิ่มเติม...