เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Pickup Car Clubs
>
Sport Truck.
>
มีเรื่องลิมิเต็ด สลิป มาบอก
>
ตอบกลับหัวข้อ
ชื่อ:
การตรวจสอบ:
กรุณาเปิดใช้งานจาวาสคริปต์เพื่อดำเนินการต่อ
กำลังโหลด...
ข้อความ:
<p>[QUOTE="นิธาน์ ทะเรืองรัมย์, post: 370127, member: 10320"]ยืมเขามาเห็นมีสาระดี เอามาแบ่งกันรู้</p><p><br /></p><p>LSD ก็ คือ Limited slip Differrential </p><p><br /></p><p>ลอง เอา รถ แตนๆ ที่ไม่มี เต็ด มา ลองทำโดนัทดู แล้วลองสังเกต ว่า ทำโดนัทได้ยากมาก เพราะว่า ล้อ มันฟรีอยู่ข้าง เดียวนั้นเอง เช่น เราต้องการทำโดนัท ขวา เมื่อเรา ตีวง เตะ คลัท กดคันเร่ง ล้อ ขวาก็จะฟรี อยู่ ข้างเดียว ล้อซ้าย มันจะไม่ เกิดอาการล้อฟรี ทำโดนัทก็ ไม่ได้ เนื่องจากแรงกดที่ล้อขวาน้อยกว่าล้อซ้ายนั้นเอง </p><p>เพราะการทำงานของรถที่มีเฟืองท้ายธรรมดาจะมีการแบ่งถ่ายกำลังด้วยชุดเฟืองดอกจอกระหว่างเพลาขับด้านซ้ายและขวากับตัวเรือนเฟืองบายศรี เพื่อทดรอบการหมุนของล้อทั้ง 2 ข้าง สำหรับการเลี้ยวซึ่งล้อจะหมุนไม่เท่ากัน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับยางและชุดเพลาขับ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดอาการดังกล่าว ประจำจึงมีการออกแบบเฟืองท้ายแบบ "ลิมิตเต็ดสลิป" โดยใช้เทคนิคในการจำกัดไม่ให้เกิดการสูญเสียกำลังขับของล้อเมื่อเกิดการลื่นหรือล้อหมุนฟรี ด้วยการใช้ความฝืดของแผ่นครัทซ์ หรือแรงกดจากการกดของสปริงและแรงหน่วงจกาการทดเฟืองแล้วแต่ว่าจะออกแบบมาแบบไหนมาเป็นตัวช่วยป้องกันการสูญเสียการขับเคลื่อน </p><p><br /></p><p><br /></p><p>หลักการทำงานของลิมิตเต็ดสลิป </p><p>เมื่อล้อข้างใดข้างหนึ่งหมุนฟรีกำลังขับเคลื่อนจะถูกส่งจากล้อที่หมุนเร็วกว่าไปยังล้อที่หมุนช้ากว่า ทำให้ล้อที่หมุนฟรีอยู่มีลดกำลังขับเคลื่อนลง ขณะที่ล้ออีกข้างหนึ่งจะมีกำลังขับเคลื่อนมากกว่า ทำให้สามารถพารถเคลื่อนตัวต่อไปได้ โดยเทคนิคการออกแบบกลไกนี้จะมีการออกแบบมาหลายลักษณะ แต่โดยรวมจะให้มีการส่งกำลังขับมายังล้อที่อยู่ตรงข้ามกับล้อที่หมุนฟรี วิธีที่ใช้และใช้มากกว่าวิธีอื่นคือใช้ความฝืดของแผ่นครัทซ์เปียกซ้อนกันหลายแผ่นเป็นตัวควบคุมกำลังขับเคลื่อนไปยังล้อทั้งคู่โดยออกแบบกลไกภายในชุดตัวเรือนเฟืองดอกจอกให้มีชุดครัทซ์เป็นตัวส่งกำลังร่วมอยู่ที่ด้านหลังเฟืองดอกจอกตัวใหญ่หรือเฟืองหัวเพลาขับทั้ง2ข้างแทนที่จะส่งกันโดยตรงเพียงอย่างเดียวในเฟืองท้ายปกติทั่วไป และมีกลไกที่ทำให้ครัทซ์จับตัวเช่น ใช้สปริงกดเมื่อมีการลื่นไถลของล้อข้างใดข้างหนึ่งทำให้เกิดการส่งกำลังขับเคลื่อนไปที่ล้อทั้งคู่ บางรุ่นก็ใช้แรงบิดจากระบบส่งกำลังมาทำให้ครัทซ์จำตัว หรือ แบบสปริงกดกระทำกับเฟืองแบบจานประกบกันและสวมกับหัวเพลาขับ เมื่อมีการเลี้ยวหรือล้อทั้ง2ข้างหมุนไม่เท่ากัน เฟืองที่ประกบกันอยู่จะแยกออกจากกัน ซึ่งจะทำให้เกิดเสียงดังจากการที่ร่องฟันเฟืองหมุนเสียดสีกัน ซึ่งแบบนี้มีใช้มานานแล้วในรถบางประเภทเท่านั้น </p><p><br /></p><p>% เต็ด เท่าไหร่ดี ที่เหมาะกับการดริฟท์</p><p>เต็ด 100 % คือ ล้อซ้ายและขวา หมุน เท่ากันตลอดเวลา ข้อดีคือ ดริฟท์ ง่าย ล้อ ไม่มีการสูญเสียกำลัง ล้อฟรีทั้ง 2 ล้อ แต่ข้อเสียคือ ถ้าใช้ในชีวิตประจำวัน คง ลำบากหน่อย คับ เลี้ยวยาก มีเสียง ดัง ยางสึก โดยไม่จำเป็น</p><p>แต่ ถ้า % น้อยลงมาหน่อยก็ สามารถใช้ในชีวิตประจำวัน ได้ แต่ อาการ ดริฟท์คงสู้ 100 % ไม่ได้ </p><p>ก็ลอง เลือก ละกาน คับ ได้อย่าง ก็ต้องยอมเสีย อย่าง แต่ถ้าอยากได้ ทั่งสองอย่าง ก็ คงได้แบบไม่เต็มๆ</p><p><br /></p><p>แนะนำ เฟืองท้ายสกายไลน์ที่มี LSD คับ % จับ ค่อนข้าง ดี แต่ใช้ ในชีวิตประจำวันได้ คับ</p><p><br /></p><p><br /></p><p>LSD 1way 1.5way 2way แตกต่างกันยังไง ไปดูครับ</p><p>Limeted slip ทั้ง 3 แบบนั้นเป็น Limited slip แบบที่ใช้แผ่นครัทซ์เปียกเป็นตัวล็อคเพลาข้างทั้งสอง</p><p>ซึ่งหลักการทำงานคือ เมื่อมีแรงบิดจากเครื่องยนต์กระทำสู่ชุดเรือนเฟืองดอกจอกที่มีตัว Limited slip อยู่ แรงบิดจะทำให้ตัวกดแผ่นครัทซ์นั้นถ่างออก ทำให้ไปกดแผ่นครัทซ์ให้ล็อคกัน ก็จะทำให้เพลาข้างทั่ง 2 ด้าน ล็อค และหมุนไปพร้อมๆ กันโดยไม่มีการสูญเสียกำลังไปยังด้านใดด้านหนึ่ง</p><p><br /></p><p>ซึ่งแต่ละแบบนั้นมีหลักการทำงานคล้ายกันแต่ต่างกันตรงที่ลักษณะการส่งแรงบิด</p><p><br /></p><p>แบบ 1 Way</p><p>แบบนี้จะเป็น Limited slip ที่มีการจับตัวกันของแผ่นคลัทซ์ โดยแผ่นคลัทซ์จะจับตัวกันเมื่อมีแรงบิดจากเครื่องยนต์ในทิศทางเดียวเท่านั้น คือ เข้าเกียร์เดินหน้า แล้วกดคันเร่งส่งแรงบิดไปยังเฟืองท้าย</p><p>พูดง่ายๆ เมื่อ กดเร่งมากเท่าไหร่ ครัทซ์ก็ยิ่งจับมากขึ้นเท่านั้น</p><p><br /></p><p>แบบ 2 Way </p><p>แบบนี้ การทำงานก็จะคล้ายๆ กับแบบ 1 Way แต่ ว่า แบบ 2Way นั้นแผ่นคลัทซ์สามารถจับตัวกันได้ขณะเครื่องยนต์ส่งแรงบิดมายังชุดเรือนเฟืองดอกจอก ในทิศทางการหมุน ทั้ง 2 ทิศทาง ( เดินหน้าและถอยหลัง ) แรงที่กดแผ่นครัทซ์จะจับตัวด้วยแรงที่เท่ากัน ทั้งสองทิศทาง </p><p>พูดง่ายๆ คือ Limited slip จะทำงานก็ต่อเมื่อ กดคันเร่งเดินหน้า, ถอยหลัง หรือแม้แต่ ขณะ ถอนคันเร่งให้เกิด Engine Brake (แรงหน่วงจากเครื่องยนต์ก็จะทำให้เกิดการกดของแผ่นครัทซ์ด้วย)</p><p><br /></p><p>แบบ 1.5 Way</p><p>แบบนี้ก็เหมือน กับแบบ 2 Way คือจะทำงานได้ ในขณะที่มีแรงบิด ได้ทั่ง 2 ทิศทาง </p><p>แต่ !! แรงกดของแผ่นคลัทซ์ในขณะถอยหลัง หรือ ขณะถอนคันเร่งให้เกิด Engine brake นั้น จะน้อยกว่าแรงกดขณะที่กดคันเร่งตอนเดินหน้า เพราะว่า มุมที่ทำให้ตัวกดแผ่นครัทซ์ถ่างออกตอนถอยหลังนั้น น้อยกว่า มุม ตอนเดินหน้า ก็ จะทำให้แรงกดนั้นน้อยกว่า[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="นิธาน์ ทะเรืองรัมย์, post: 370127, member: 10320"]ยืมเขามาเห็นมีสาระดี เอามาแบ่งกันรู้ LSD ก็ คือ Limited slip Differrential ลอง เอา รถ แตนๆ ที่ไม่มี เต็ด มา ลองทำโดนัทดู แล้วลองสังเกต ว่า ทำโดนัทได้ยากมาก เพราะว่า ล้อ มันฟรีอยู่ข้าง เดียวนั้นเอง เช่น เราต้องการทำโดนัท ขวา เมื่อเรา ตีวง เตะ คลัท กดคันเร่ง ล้อ ขวาก็จะฟรี อยู่ ข้างเดียว ล้อซ้าย มันจะไม่ เกิดอาการล้อฟรี ทำโดนัทก็ ไม่ได้ เนื่องจากแรงกดที่ล้อขวาน้อยกว่าล้อซ้ายนั้นเอง เพราะการทำงานของรถที่มีเฟืองท้ายธรรมดาจะมีการแบ่งถ่ายกำลังด้วยชุดเฟืองดอกจอกระหว่างเพลาขับด้านซ้ายและขวากับตัวเรือนเฟืองบายศรี เพื่อทดรอบการหมุนของล้อทั้ง 2 ข้าง สำหรับการเลี้ยวซึ่งล้อจะหมุนไม่เท่ากัน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับยางและชุดเพลาขับ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดอาการดังกล่าว ประจำจึงมีการออกแบบเฟืองท้ายแบบ "ลิมิตเต็ดสลิป" โดยใช้เทคนิคในการจำกัดไม่ให้เกิดการสูญเสียกำลังขับของล้อเมื่อเกิดการลื่นหรือล้อหมุนฟรี ด้วยการใช้ความฝืดของแผ่นครัทซ์ หรือแรงกดจากการกดของสปริงและแรงหน่วงจกาการทดเฟืองแล้วแต่ว่าจะออกแบบมาแบบไหนมาเป็นตัวช่วยป้องกันการสูญเสียการขับเคลื่อน หลักการทำงานของลิมิตเต็ดสลิป เมื่อล้อข้างใดข้างหนึ่งหมุนฟรีกำลังขับเคลื่อนจะถูกส่งจากล้อที่หมุนเร็วกว่าไปยังล้อที่หมุนช้ากว่า ทำให้ล้อที่หมุนฟรีอยู่มีลดกำลังขับเคลื่อนลง ขณะที่ล้ออีกข้างหนึ่งจะมีกำลังขับเคลื่อนมากกว่า ทำให้สามารถพารถเคลื่อนตัวต่อไปได้ โดยเทคนิคการออกแบบกลไกนี้จะมีการออกแบบมาหลายลักษณะ แต่โดยรวมจะให้มีการส่งกำลังขับมายังล้อที่อยู่ตรงข้ามกับล้อที่หมุนฟรี วิธีที่ใช้และใช้มากกว่าวิธีอื่นคือใช้ความฝืดของแผ่นครัทซ์เปียกซ้อนกันหลายแผ่นเป็นตัวควบคุมกำลังขับเคลื่อนไปยังล้อทั้งคู่โดยออกแบบกลไกภายในชุดตัวเรือนเฟืองดอกจอกให้มีชุดครัทซ์เป็นตัวส่งกำลังร่วมอยู่ที่ด้านหลังเฟืองดอกจอกตัวใหญ่หรือเฟืองหัวเพลาขับทั้ง2ข้างแทนที่จะส่งกันโดยตรงเพียงอย่างเดียวในเฟืองท้ายปกติทั่วไป และมีกลไกที่ทำให้ครัทซ์จับตัวเช่น ใช้สปริงกดเมื่อมีการลื่นไถลของล้อข้างใดข้างหนึ่งทำให้เกิดการส่งกำลังขับเคลื่อนไปที่ล้อทั้งคู่ บางรุ่นก็ใช้แรงบิดจากระบบส่งกำลังมาทำให้ครัทซ์จำตัว หรือ แบบสปริงกดกระทำกับเฟืองแบบจานประกบกันและสวมกับหัวเพลาขับ เมื่อมีการเลี้ยวหรือล้อทั้ง2ข้างหมุนไม่เท่ากัน เฟืองที่ประกบกันอยู่จะแยกออกจากกัน ซึ่งจะทำให้เกิดเสียงดังจากการที่ร่องฟันเฟืองหมุนเสียดสีกัน ซึ่งแบบนี้มีใช้มานานแล้วในรถบางประเภทเท่านั้น % เต็ด เท่าไหร่ดี ที่เหมาะกับการดริฟท์ เต็ด 100 % คือ ล้อซ้ายและขวา หมุน เท่ากันตลอดเวลา ข้อดีคือ ดริฟท์ ง่าย ล้อ ไม่มีการสูญเสียกำลัง ล้อฟรีทั้ง 2 ล้อ แต่ข้อเสียคือ ถ้าใช้ในชีวิตประจำวัน คง ลำบากหน่อย คับ เลี้ยวยาก มีเสียง ดัง ยางสึก โดยไม่จำเป็น แต่ ถ้า % น้อยลงมาหน่อยก็ สามารถใช้ในชีวิตประจำวัน ได้ แต่ อาการ ดริฟท์คงสู้ 100 % ไม่ได้ ก็ลอง เลือก ละกาน คับ ได้อย่าง ก็ต้องยอมเสีย อย่าง แต่ถ้าอยากได้ ทั่งสองอย่าง ก็ คงได้แบบไม่เต็มๆ แนะนำ เฟืองท้ายสกายไลน์ที่มี LSD คับ % จับ ค่อนข้าง ดี แต่ใช้ ในชีวิตประจำวันได้ คับ LSD 1way 1.5way 2way แตกต่างกันยังไง ไปดูครับ Limeted slip ทั้ง 3 แบบนั้นเป็น Limited slip แบบที่ใช้แผ่นครัทซ์เปียกเป็นตัวล็อคเพลาข้างทั้งสอง ซึ่งหลักการทำงานคือ เมื่อมีแรงบิดจากเครื่องยนต์กระทำสู่ชุดเรือนเฟืองดอกจอกที่มีตัว Limited slip อยู่ แรงบิดจะทำให้ตัวกดแผ่นครัทซ์นั้นถ่างออก ทำให้ไปกดแผ่นครัทซ์ให้ล็อคกัน ก็จะทำให้เพลาข้างทั่ง 2 ด้าน ล็อค และหมุนไปพร้อมๆ กันโดยไม่มีการสูญเสียกำลังไปยังด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งแต่ละแบบนั้นมีหลักการทำงานคล้ายกันแต่ต่างกันตรงที่ลักษณะการส่งแรงบิด แบบ 1 Way แบบนี้จะเป็น Limited slip ที่มีการจับตัวกันของแผ่นคลัทซ์ โดยแผ่นคลัทซ์จะจับตัวกันเมื่อมีแรงบิดจากเครื่องยนต์ในทิศทางเดียวเท่านั้น คือ เข้าเกียร์เดินหน้า แล้วกดคันเร่งส่งแรงบิดไปยังเฟืองท้าย พูดง่ายๆ เมื่อ กดเร่งมากเท่าไหร่ ครัทซ์ก็ยิ่งจับมากขึ้นเท่านั้น แบบ 2 Way แบบนี้ การทำงานก็จะคล้ายๆ กับแบบ 1 Way แต่ ว่า แบบ 2Way นั้นแผ่นคลัทซ์สามารถจับตัวกันได้ขณะเครื่องยนต์ส่งแรงบิดมายังชุดเรือนเฟืองดอกจอก ในทิศทางการหมุน ทั้ง 2 ทิศทาง ( เดินหน้าและถอยหลัง ) แรงที่กดแผ่นครัทซ์จะจับตัวด้วยแรงที่เท่ากัน ทั้งสองทิศทาง พูดง่ายๆ คือ Limited slip จะทำงานก็ต่อเมื่อ กดคันเร่งเดินหน้า, ถอยหลัง หรือแม้แต่ ขณะ ถอนคันเร่งให้เกิด Engine Brake (แรงหน่วงจากเครื่องยนต์ก็จะทำให้เกิดการกดของแผ่นครัทซ์ด้วย) แบบ 1.5 Way แบบนี้ก็เหมือน กับแบบ 2 Way คือจะทำงานได้ ในขณะที่มีแรงบิด ได้ทั่ง 2 ทิศทาง แต่ !! แรงกดของแผ่นคลัทซ์ในขณะถอยหลัง หรือ ขณะถอนคันเร่งให้เกิด Engine brake นั้น จะน้อยกว่าแรงกดขณะที่กดคันเร่งตอนเดินหน้า เพราะว่า มุมที่ทำให้ตัวกดแผ่นครัทซ์ถ่างออกตอนถอยหลังนั้น น้อยกว่า มุม ตอนเดินหน้า ก็ จะทำให้แรงกดนั้นน้อยกว่า[/QUOTE]
เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
เข้าสู่ระบบด้วย Google
ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:
คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?
ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
ลืมรหัสผ่านของคุณ?
อยู่ในระบบตลอดเวลา
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Pickup Car Clubs
>
Sport Truck.
>
มีเรื่องลิมิเต็ด สลิป มาบอก
>
X
หน้าแรก
หน้าแรก
Quick Links
โพสต์ล่าสุด
กิจกรรมล่าสุด
ผู้เขียน
ฟอรั่ม
ฟอรั่ม
Quick Links
ค้นหาฟอรั่ม
โพสต์ล่าสุด
ประกาศซื้อขาย
ประกาศซื้อขาย
Quick Links
ค้นหาประกาศซื้อขาย
กิจกรรมล่าสุด
ผู้ค้าขายคะแนนสูงสุด
สื่อ/วิดีโอ
สื่อ/วิดีโอ
Quick Links
Search Media
New Media
สมาชิก
สมาชิก
Quick Links
สมาชิกที่โดดเด่น
สมาชิกที่ลงทะเบียน
ผู้ใช้งานในขณะนี้
กิจกรรมล่าสุด
โพสต์ข้อมูลส่วนตัวใหม่
เมนู
ค้นหาเฉพาะชื่อ
โพสต์โดยสมาชิก:
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ใหม่กว่า:
ค้นหาเฉพาะหัวข้อนี้
ค้นหาเฉพาะฟอรั่มนี้
แสดงผลเป็นหัวข้อ
การค้นหาที่มีประโยชน์
โพสต์ล่าสุด
เพิ่มเติม...