เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Motorcycle Clubs
>
Click Club
>
Carbon Fiber & Carbon Kevlar
>
ตอบกลับหัวข้อ
ชื่อ:
การตรวจสอบ:
กรุณาเปิดใช้งานจาวาสคริปต์เพื่อดำเนินการต่อ
กำลังโหลด...
ข้อความ:
<p>[QUOTE="baitong-click, post: 375849, member: 40234"]เพิ่งได้ดูในกระทู้ปักหมุดเห็นมีคนสนใจ เลยมาแบ่งปันกันคับ</p><p>black or yellow?</p><p><br /></p><p>เพื่อนๆหลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับ carbon-fiber, carbon-kevlar คงสงสัยว่าจริงๆแล้วมันคืออะไร สร้างมาจากอะไร แตกต่างกันอย่างไร อันไหนดีกว่าๆกัน คุณสมบัติเหมือนกันไหม </p><p>ในวงการ motorsport ปัจจุบันนี้เพื่อนๆหลายๆคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับ อุปกรณ์ที่ทำมาจาก carbon-fiber บ้าง kevlar บ้าง จริงๆแล้วเนี่ยมันมีที่มาอย่างนี้ครับ หากยังไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันคืออะไรก็ไม่ต้องอายนะครับ เพราะว่าถ้าเพื่อนยังอายที่จะรู้ต่อไปละก็เพื่อนๆอาจจะถูกหลอกหรือเข้าใจผิดว่าชิ้นส่วนที่เพื่อนๆ ใช้อยู่มีคุณภาพเท่าที่ F1 ใช้ ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันไม่ได้มีมาตรฐานในการผลิตเลยก็ได้</p><p><br /></p><p>Carbon-fiber นั้นจริงๆแล้วนั้นมันมีพื้นฐานมาจากพลาสติกธรรมดา ที่เราๆเห็นกันทุกวันนี้แหละครับ เพราะมันคือ Polyacrylonitrile (โพลิอะคลิโลไนไทรล์) ขอเรียกมันย่อๆว่า PAN ก็แล้วกันนะครับ เจ้า PAN ก็คือต้นกำเนิดที่ใช้ในการผลิตผ้า เรยอง นั้นแหละครับ</p><p>โดยเราจะเอาโมเลกุลที่ไม่มีความแข็งแรงเหล่านี้มาเปลี่ยนแปลงการเรียงลำดับโครงสร้างทางเคมีกันใหม่ ซึ่งการผลิตเส้นใย carbon จาก PAN นั้นมี 4 ขั้นตอนดังนี้ครับ</p><p><br /></p><p>1. Oxidation คือขั้นตอนที่เอาเส้นใย PAN มาเผาที่ความร้อนสูงถึง 3,000 องศาเซลเซียส จนเส้นใย PAN เปลี่ยนจากสีขาวกลายเป็นสีดำ โดยจะต้องเผาให้ทั่วจนถึงส่วนที่ลึกที่สุดของเส้นใย PAN เลยนะครับ เมื่อจบขั้นตอนนี้จะได้ผ้า Nomex หรือเสื้อกันไฟได้ครับ แต่หากเราต้องการ carbon-fiber มันยังไม่พอครับ</p><p><br /></p><p>2. Carbonisation คือ การแยกธาตุทุกชนิดที่ไม่ใช้ carbon ออกจากเส้นใย PAN โดยวิธีแยกก็คือนำไปเผาที่ความร้อน 10,000-30,000 องศาเซลเซียส ในบรรยากาศไนโตรเจนด้วยความดันสูงมาก ไม่ใช่ที่บรรยากาศโลก หรือ สูญญากาศ นะครับ โดยยิ่งเผาที่ความร้อนสูงเท่าไร carbon-fiber ก็จะยิ่งมีความแข็งแรงมากเท่านั้นครับ</p><p><br /></p><p>3. Surface Treatment คือการเคลือบผิวหน้าของเส้นใย ให้สามารถรวมตัวกันเป็นเส้นใยที่ใหญ่ขึ้นเพื่อนำไปใช้งานครับ โดยการเคลือบจะใช้สารประกอบโพลิเมอร์ ซึ่งสามารถยึดเกาะโครงสร้างเล็กๆให้สามารถคงรูปอยู่ได้ และทำให้เส้นใยมีความแข็งแรงครับ หากเคลือบไม่ดีเวลานำเส้นใยไปใช้อาจจะมีโพรงอากาศเกิดขึ้นและทำให้มันไม่แข็งแรง พูดง่ายๆก็คือเปราะครับ</p><p><br /></p><p>4. Surface Coating คือการเอา อีพ็อกซี่มาเคลือบผิวเพื่อให้สามารถนำไปใช้ได้โดยไม่มีการหลุดรุ่ย เพราะ carbon-fiber ที่เรานำมาใช้ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปผืนผ้า ที่จะต้องนำมาตัดและขึ้นรูปกับแม่พิมพ์แล้วทำการหล่อเพื่อนำไปใชงานอีกที โดยหากเราเคลือบไม่ดี เส้นใย carbon จะหักเป็นเศษเล็กๆ ที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น และหากคุณสูดมันเข้าไปจะเป็นต้นเหตุของมะเร็งขั้วปอดได้ครับ</p><p><br /></p><p><br /></p><p>Carbon Fiber & Carbon Kevlar เมื่อจบสี่ขั้นตอนดังกล่าวแล้วเพื่อนๆก็จะได้ ผืนผ้า carbon-fiber ซึ่งมีความทนทานกว่าเหล็กถึง 5 เท่าเมื่อเทียบกับมวลที่เท่ากันนะครับ นอกจากนี้ยังสามารถทนแรงบิด แรงเค้นได้มาก รวมถึงยังเบาและมีความหนาแน่นน้อยกว่า โดยหากดูที่ความสามารถในการทนแรงดึงแล้วละก็ carbon-fiber สามารถทนแรงดึงได้มากกว่า Titanium ด้วยซ้ำ</p><p><br /></p><p>หากถามว่าทำไมมันถึงแข็งแรง ก็เนื่องมาจากการจัดเรียงตัวของโมเลกุลธาตุ carbon นั้นแหละครับเหมือนที่ถ่านก็คือ carbon ชนิดหนึ่งแต่มีความคงทนไม่เท่ากับ เพชร ที่เป็นธาตุ carbon เหมือนกัน ก็เพราะการจัดเรียงตัวของโมเลกุลธาตุ carbon ที่อุณหภูมิแตกต่างกันนั้นเอง </p><p><br /></p><p>เมื่อได้ผืนผ้า carbon-fiber มาแล้วก็ถึงขั้นตอนการนำไปใช้ ซึ่งขั้นตอนก็คล้ายๆกับการนำเส้นใย fiber-glass มาใช้นั้นแหละครับ แต่ว่าเรซินที่ใช้กับ carbon-fiber จะมีความแตกต่างกับน้ำยาที่ใช้ในงานไฟเบอร์ทั่วไป เพราะทางโรงงานผู้ผลิตผืนผ้า carbon-fiber จะขายผืนผ้า caron-fiber พร้อมกับน้ำยาเรซิน และตัวทำ hardener (น้ำยาทำให้แข็ง) ซึ่งเป็นคนละชนิดกับที่ใช้ในงานไฟเบอร์กลาสทั่วไป </p><p><br /></p><p>นอกจากน้ำยาที่แตกต่างกันแล้วการจะนำ carbon-fiber ไปขึ้นรูปจะต้องอบหรือให้ความร้อนตาม spec หรือเกรดและจำนวนชั้นของ carbon-fiber ตามที่โรงงานผู้ผลิตกำหนดนะครับ มิฉะนั้นจะไม่ได้ความแข็งแรงเทียบเท่ากับมาตรฐานที่กำหนด</p><p><br /></p><p>โดยในความเป็นจริงแล้วผู้ผลิต bodypart ทั่วโลก(โดยเฉพาะในประเทศไทย)มักไม่ได้ใช้น้ำยาพิเศษซึ่งมีราคาโ-ตรแพง นอกจากนี้ยังไม่ได้อบชิ้นงานตาม spec ที่โรงงานผู้ผลิตกำหนด ทำให้ชิ้นส่วน bodypart นั้นไม่ได้ความแข็งแรงตามมาตรฐาน ดังนั้นเพื่อนๆต้องเพื่อใจไว้นิดนึงนะครับว่าชิ้นงานที่ได้จะไม่ได้มีความแข็งแรงเหมือนกับที่ใช้ใน Formula1 หรือรถ supercars ราคาหลายสิบล้าน</p><p><br /></p><p><br /></p><p>ส่วนสุดท้ายที่เพื่อนๆคงอยากรู้ว่า carbon-fiber กับ carbon-kevlar มันแตกต่างกันอย่างไร ตรงไหน อย่างไรทนกว่ากัน หรือว่าต่างกันแค่ลาย ทา-ดำ ส่วน carbon-kevlar เป็นสีเหลือง-ดำ </p><p>ทางด้านความแข็งแรงนั้น carbon-fiber แข็งแรงกว่า แต่ให้ตัวได้น้อยกว่า ส่วน carbon-kevlar จะเหนียวกว่า ให้ตัวได้มากกว่าและดูดซับแรงกระแทกได้ดีกว่า โดยการที่จะใช้ทำส่วนประกอบรถที่ดีนั้น จะใช้ทั้ง carbon-fiber และ carbon-kevlar วางซ้อนกันหลายๆชั้นครับ[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="baitong-click, post: 375849, member: 40234"]เพิ่งได้ดูในกระทู้ปักหมุดเห็นมีคนสนใจ เลยมาแบ่งปันกันคับ black or yellow? เพื่อนๆหลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับ carbon-fiber, carbon-kevlar คงสงสัยว่าจริงๆแล้วมันคืออะไร สร้างมาจากอะไร แตกต่างกันอย่างไร อันไหนดีกว่าๆกัน คุณสมบัติเหมือนกันไหม ในวงการ motorsport ปัจจุบันนี้เพื่อนๆหลายๆคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับ อุปกรณ์ที่ทำมาจาก carbon-fiber บ้าง kevlar บ้าง จริงๆแล้วเนี่ยมันมีที่มาอย่างนี้ครับ หากยังไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันคืออะไรก็ไม่ต้องอายนะครับ เพราะว่าถ้าเพื่อนยังอายที่จะรู้ต่อไปละก็เพื่อนๆอาจจะถูกหลอกหรือเข้าใจผิดว่าชิ้นส่วนที่เพื่อนๆ ใช้อยู่มีคุณภาพเท่าที่ F1 ใช้ ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันไม่ได้มีมาตรฐานในการผลิตเลยก็ได้ Carbon-fiber นั้นจริงๆแล้วนั้นมันมีพื้นฐานมาจากพลาสติกธรรมดา ที่เราๆเห็นกันทุกวันนี้แหละครับ เพราะมันคือ Polyacrylonitrile (โพลิอะคลิโลไนไทรล์) ขอเรียกมันย่อๆว่า PAN ก็แล้วกันนะครับ เจ้า PAN ก็คือต้นกำเนิดที่ใช้ในการผลิตผ้า เรยอง นั้นแหละครับ โดยเราจะเอาโมเลกุลที่ไม่มีความแข็งแรงเหล่านี้มาเปลี่ยนแปลงการเรียงลำดับโครงสร้างทางเคมีกันใหม่ ซึ่งการผลิตเส้นใย carbon จาก PAN นั้นมี 4 ขั้นตอนดังนี้ครับ 1. Oxidation คือขั้นตอนที่เอาเส้นใย PAN มาเผาที่ความร้อนสูงถึง 3,000 องศาเซลเซียส จนเส้นใย PAN เปลี่ยนจากสีขาวกลายเป็นสีดำ โดยจะต้องเผาให้ทั่วจนถึงส่วนที่ลึกที่สุดของเส้นใย PAN เลยนะครับ เมื่อจบขั้นตอนนี้จะได้ผ้า Nomex หรือเสื้อกันไฟได้ครับ แต่หากเราต้องการ carbon-fiber มันยังไม่พอครับ 2. Carbonisation คือ การแยกธาตุทุกชนิดที่ไม่ใช้ carbon ออกจากเส้นใย PAN โดยวิธีแยกก็คือนำไปเผาที่ความร้อน 10,000-30,000 องศาเซลเซียส ในบรรยากาศไนโตรเจนด้วยความดันสูงมาก ไม่ใช่ที่บรรยากาศโลก หรือ สูญญากาศ นะครับ โดยยิ่งเผาที่ความร้อนสูงเท่าไร carbon-fiber ก็จะยิ่งมีความแข็งแรงมากเท่านั้นครับ 3. Surface Treatment คือการเคลือบผิวหน้าของเส้นใย ให้สามารถรวมตัวกันเป็นเส้นใยที่ใหญ่ขึ้นเพื่อนำไปใช้งานครับ โดยการเคลือบจะใช้สารประกอบโพลิเมอร์ ซึ่งสามารถยึดเกาะโครงสร้างเล็กๆให้สามารถคงรูปอยู่ได้ และทำให้เส้นใยมีความแข็งแรงครับ หากเคลือบไม่ดีเวลานำเส้นใยไปใช้อาจจะมีโพรงอากาศเกิดขึ้นและทำให้มันไม่แข็งแรง พูดง่ายๆก็คือเปราะครับ 4. Surface Coating คือการเอา อีพ็อกซี่มาเคลือบผิวเพื่อให้สามารถนำไปใช้ได้โดยไม่มีการหลุดรุ่ย เพราะ carbon-fiber ที่เรานำมาใช้ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปผืนผ้า ที่จะต้องนำมาตัดและขึ้นรูปกับแม่พิมพ์แล้วทำการหล่อเพื่อนำไปใชงานอีกที โดยหากเราเคลือบไม่ดี เส้นใย carbon จะหักเป็นเศษเล็กๆ ที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น และหากคุณสูดมันเข้าไปจะเป็นต้นเหตุของมะเร็งขั้วปอดได้ครับ Carbon Fiber & Carbon Kevlar เมื่อจบสี่ขั้นตอนดังกล่าวแล้วเพื่อนๆก็จะได้ ผืนผ้า carbon-fiber ซึ่งมีความทนทานกว่าเหล็กถึง 5 เท่าเมื่อเทียบกับมวลที่เท่ากันนะครับ นอกจากนี้ยังสามารถทนแรงบิด แรงเค้นได้มาก รวมถึงยังเบาและมีความหนาแน่นน้อยกว่า โดยหากดูที่ความสามารถในการทนแรงดึงแล้วละก็ carbon-fiber สามารถทนแรงดึงได้มากกว่า Titanium ด้วยซ้ำ หากถามว่าทำไมมันถึงแข็งแรง ก็เนื่องมาจากการจัดเรียงตัวของโมเลกุลธาตุ carbon นั้นแหละครับเหมือนที่ถ่านก็คือ carbon ชนิดหนึ่งแต่มีความคงทนไม่เท่ากับ เพชร ที่เป็นธาตุ carbon เหมือนกัน ก็เพราะการจัดเรียงตัวของโมเลกุลธาตุ carbon ที่อุณหภูมิแตกต่างกันนั้นเอง เมื่อได้ผืนผ้า carbon-fiber มาแล้วก็ถึงขั้นตอนการนำไปใช้ ซึ่งขั้นตอนก็คล้ายๆกับการนำเส้นใย fiber-glass มาใช้นั้นแหละครับ แต่ว่าเรซินที่ใช้กับ carbon-fiber จะมีความแตกต่างกับน้ำยาที่ใช้ในงานไฟเบอร์ทั่วไป เพราะทางโรงงานผู้ผลิตผืนผ้า carbon-fiber จะขายผืนผ้า caron-fiber พร้อมกับน้ำยาเรซิน และตัวทำ hardener (น้ำยาทำให้แข็ง) ซึ่งเป็นคนละชนิดกับที่ใช้ในงานไฟเบอร์กลาสทั่วไป นอกจากน้ำยาที่แตกต่างกันแล้วการจะนำ carbon-fiber ไปขึ้นรูปจะต้องอบหรือให้ความร้อนตาม spec หรือเกรดและจำนวนชั้นของ carbon-fiber ตามที่โรงงานผู้ผลิตกำหนดนะครับ มิฉะนั้นจะไม่ได้ความแข็งแรงเทียบเท่ากับมาตรฐานที่กำหนด โดยในความเป็นจริงแล้วผู้ผลิต bodypart ทั่วโลก(โดยเฉพาะในประเทศไทย)มักไม่ได้ใช้น้ำยาพิเศษซึ่งมีราคาโ-ตรแพง นอกจากนี้ยังไม่ได้อบชิ้นงานตาม spec ที่โรงงานผู้ผลิตกำหนด ทำให้ชิ้นส่วน bodypart นั้นไม่ได้ความแข็งแรงตามมาตรฐาน ดังนั้นเพื่อนๆต้องเพื่อใจไว้นิดนึงนะครับว่าชิ้นงานที่ได้จะไม่ได้มีความแข็งแรงเหมือนกับที่ใช้ใน Formula1 หรือรถ supercars ราคาหลายสิบล้าน ส่วนสุดท้ายที่เพื่อนๆคงอยากรู้ว่า carbon-fiber กับ carbon-kevlar มันแตกต่างกันอย่างไร ตรงไหน อย่างไรทนกว่ากัน หรือว่าต่างกันแค่ลาย ทา-ดำ ส่วน carbon-kevlar เป็นสีเหลือง-ดำ ทางด้านความแข็งแรงนั้น carbon-fiber แข็งแรงกว่า แต่ให้ตัวได้น้อยกว่า ส่วน carbon-kevlar จะเหนียวกว่า ให้ตัวได้มากกว่าและดูดซับแรงกระแทกได้ดีกว่า โดยการที่จะใช้ทำส่วนประกอบรถที่ดีนั้น จะใช้ทั้ง carbon-fiber และ carbon-kevlar วางซ้อนกันหลายๆชั้นครับ[/QUOTE]
เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
เข้าสู่ระบบด้วย Google
ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:
คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?
ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
ลืมรหัสผ่านของคุณ?
อยู่ในระบบตลอดเวลา
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Motorcycle Clubs
>
Click Club
>
Carbon Fiber & Carbon Kevlar
>
X
หน้าแรก
หน้าแรก
Quick Links
โพสต์ล่าสุด
กิจกรรมล่าสุด
ผู้เขียน
ฟอรั่ม
ฟอรั่ม
Quick Links
ค้นหาฟอรั่ม
โพสต์ล่าสุด
ประกาศซื้อขาย
ประกาศซื้อขาย
Quick Links
ค้นหาประกาศซื้อขาย
กิจกรรมล่าสุด
ผู้ค้าขายคะแนนสูงสุด
สื่อ/วิดีโอ
สื่อ/วิดีโอ
Quick Links
Search Media
New Media
สมาชิก
สมาชิก
Quick Links
สมาชิกที่โดดเด่น
สมาชิกที่ลงทะเบียน
ผู้ใช้งานในขณะนี้
กิจกรรมล่าสุด
โพสต์ข้อมูลส่วนตัวใหม่
เมนู
ค้นหาเฉพาะชื่อ
โพสต์โดยสมาชิก:
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ใหม่กว่า:
ค้นหาเฉพาะหัวข้อนี้
ค้นหาเฉพาะฟอรั่มนี้
แสดงผลเป็นหัวข้อ
การค้นหาที่มีประโยชน์
โพสต์ล่าสุด
เพิ่มเติม...