เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Honda Car Clubs
>
Club SI
>
มารู้จัก "กรองเปลือย" กันดีกว่า
>
ตอบกลับหัวข้อ
ชื่อ:
การตรวจสอบ:
กรุณาเปิดใช้งานจาวาสคริปต์เพื่อดำเนินการต่อ
กำลังโหลด...
ข้อความ:
<p>[QUOTE="Phoenix13th, post: 386092, member: 4935"]พอดีไปเห็นมาครับว่ามีความรู้ดี ก็เลยหยิบมาฝาก เผื่อเป็นความรู้กาน</p><p><br /></p><p><b><u>กรองเปลือย</u></b> เป็นอุปกรณ์แต่งเครื่องยนต์ชิ้นแรก ที่นักแต่งรถนิยมหาซื้อมาใส่กัน แบบที่ว่าเปิดห้องเครื่องขึ้นมาต้องเห็นเกือบทุกคัน บางคนเปลี่ยนเพื่อหวังให้รถแรงขึ้น สวยงามขึ้น ไม่ต้องเปลี่ยนกรองอากาศบ่อยๆ ประหยัดน้ำมันขึ้น หรือบางคนเปลี่ยนตามๆเขาไป แต่จริงๆ แล้วเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้เป็นที่ถกเถียงกันมานมนาน ว่าใส่แล้วแรงขึ้น หรือแรงตกกันแน่ ขอตอบได้อย่างเดียวว่าทุกอย่างก็เกิดขึ้นได้ถ้ามี ... ก็อะไรล่ะครับ ก็ตั้งแต่การเลือกซื้อ ความต้องการของเครื่องยนต์ การติดตั้ง การดูแลรักษา ถ้าถูกวิธีแล้วไม่เห็นต้องกลัวเลยครับว่าจะแรงตก พังเร็ว หรือกินน้ำมัน ก่อนที่จะรู้จักกรองเปลือยเรามารู้จักหน้าที่ของกรองอากาศกันก่อนดีกว่า </p><p> </p><p><u>กรองอากาศ Air filters </u></p><p>กรองอากาศหรือ Air filters เป็นส่วนสำคัญในระบบประจุอากาศให้กับเครื่องยนต์ มีหน้าที่กรองเอาอนุภาคต่างๆที่ปะปนมากับอากาศ เช่นพวกฝุ่น หิน ดิน ทราย ฯลฯ ตั้งแต่ขนาดใหญ่จนถึงขนาดเล็ก ให้ติดอยู่ปล่อยเพียงอากาศริสุทธิเข้าเครื่องยนต์เท่านั้น เพื่อป้องกันเศษฝุ่นละอองต่างๆ เข้าไปทำลายชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ เพราะเศษฝุ่นแข็งๆ สามารถเข้าไปทำลายได้ตั้งแต่ ใบพัดหน้าเทอร์โบ ระบบรีดอากาศในซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ ลิ้นปีผีเสื้อ เซนเซอร์ควบคุมอากาศ จับตัวกับน้ำมันเกาะรอบคอไอดี และพอร์ตไอดีทำให้ไอดีไหลช้าลง จับตัวกับหัวฉีด วาล์วและบ่าวาล์ว แหวนสูบ และกระบอกสูบ จับหัวเทียน ฝุ่นละอองที่สามารถเล็ดลอดลงห้องเผาไหม้ไปได้จะปะปนกับน้ำมันเครื่อง ไปทำลายชิ้นส่วนทุกชิ้นที่น้ำมันเครื่องเข้าไปหล่อลื่น ปะปนมากับท่อไอเสียจับตัวทำลายใบพัดหลังเทอร์โบ แคตตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ และหม้อพักไอเสียให้ตันก่อนกำหนด โดยดักจับฝุ่นละอองให้ติดอยู่ตามเส้นใยไส้กรอง </p><p>ชนิดของกรองอากาศ มี 2 ชนิดคือ </p><p><br /></p><p>1 <u>แบบเปียก</u> เป็นแบบโบราณที่เคยนิยมใช้กัน แต่สมัยก่อนนิยมมาก กรองอากาศมักจะทำด้วยตาข่ายแตนเลส เป็นรูพรุน ติดตั้งอยู่ในหม้อกรองอากาศแบบปิดภายในจะมีน้ำมันหล่ออยู่รอบๆไส้กรอง น้ำมันมีหน้าที่ดักจับฝุ่นระอองให้ตกลงไป ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไส้กรอง แต่เปลี่ยนน้ำมันและล้างบ่อยๆ แบบนี้มีประสิทธิภาพมากแต่ได้รับความนิยมน้อยลงคงด้วยเหตุผลการตลาด จะเห็นตามรถยนต์รุ่นเก่าๆใครอยากเห็นคงต้องขอดูกับผู้ที่รักรถมินิคงต้องรู้จักกันดี</p><p><br /></p><p>2. <u>แบบแห้ง </u>เป็นแบบที่เราเห็นทั่วไป ไส้กรองนิยมทำจาก กระดาษหลายแผ่นซ้อนกัน ใยสังเคราะห์ชนิดต่างๆ บรรจุอยู่ให้หม้อกรองอากาศแบบปิดที่ได้รับการออกแบบมาหลายแบบ ทำหน้าที่ลดเสียงดังของเครื่องยนต์ มีท่อต่อไปรับอากาศนอกห้องเครื่อง สามารถเปิดมาทำความสะอาด และเปลี่ยนไส้กรองได้ง่าย แบบนี้เป็นที่รถโรงงานใช้กันอยู่ </p><p> </p><p><b>ทฤษฏี </b></p><p>การกรองอากาศ สามารถใช้เครื่องมือในการตรวจคุณภาพ จำพวก Manometer ใช้ทดสอบค่าต่างๆดังต่อไปนี้</p><p>1. ประสิทธิภาพ (Efficiency) ในการกำจัดฝุ่นละอองที่จะผ่านเข้าไปในห้องเผาไหม้ ว่าสามารถกรองอากาศได้ขนาดเท่าไหร่ ตั้งแต่ 0.5 1 ไมคอน ยิ่งสามารถกรองอากาศได้เล็กมากยิ่งดีกว่า</p><p>2. ความสามารถในการเก็บฝุ่น (Dust holding capacity) ว่าสามารถดักเก็บฝุ่นละอองได้มากเท่าไหร่ แบบที่เก็บฝุ่นได้มากจะทำให้ไส้กรองตันช้าลง</p><p>3. ความเสียดทานของกระแสลม (Air flow resistance) คือค่าความดันตก (Static pressure drop) ที่อากาศไหลผ่านว่าไหลได้เร็วแค่ไหน อากาศไหลเร็วกว่าย่อมทำให้เครื่องทำงานดีขึ้น ไหลช้ากว่าเครื่องจะแรงตกลง </p><p> </p><p><u>กรองเปลือย Hiperformance Air filters </u></p><p>ที่ต้องเรียกว่า Hiperformane Air filters ก็เพราะว่าไม่รู้ว่าจะทับศัพท์ยังไง อย่างเราๆก็ติดเรียกกันว่ากรองเปลือย ก็ใช่สิครับบ้านเราเห็นอะไรวับๆแวมๆเข้าหน่อยก็เรียกโป๊วเรียกเปลือยกันทั้งนั้น ก็กรองอากาศแบบนี้ส่วนมากแล้วมักจะติดตั้งอยู่ภายนอกหม้อกรองอากาศ ชนิดเปิดห้องเครื่องขึ้นมาก็เห็นตัวกันปั๊ป หรือบางรุ่นก็ทำมาติดตั้งแทนกรองอากาศเดิมได้เลย กรองเปลือยนั้นก็เป็นกรองอากาศแบบแห้งชนิดหนึ่ง พวกนี้จะได้รับการออกแบบ และใช้วัสดุที่ดีกว่าเช่น Cotton , ฟองน้ำ , สแตนเลส มาทำเสียเป็นส่วนใหญ่เพื่อจุดประสงค์คือ ยอมให้อากาศไหลผ่านได้มากกว่า รวดเร็วกว่า ดักจับฝุ่นระอองได้มากกว่า ใช้งานได้นานขึ้น ทำให้ต้นทุนสูงกว่ากรองกระดาษหรือพวกใยสังเคราะห์ยู่มาก </p><p> </p><p><u>การเลือกซื้อกรองเปลือย</u></p><p>กรองเปลือยส่วนมากจะมีการออกแบบและใช้วัสดุการผลิต ขนาด และการติดตั้งที่ไม่เหมือนกัน ดั้งนั้นเราต้องทราบความต้องการในการใช้งานของเราก่อนเลือกซื้อคือ </p><p>1. วัสดุ กรองเปลือยใช้วัสดุหลายชนิด แบบที่ใช้ฟองน้ำ , ผ้า cotton หรือ สแตนเลส แต่ละยี่ห้อจะมีคุณภาพแตกต่างกันแม้จะใช้วัสดุแบบเดียวกัน ต้องเลือกที่ ความสามารถในการกรองฝุ่นละออง ความสามารถในการเก็บฝุ่น และความเสียดทานอากาศ</p><p>2. ขนาด ในเครื่องที่มีขนาดเล็กหรือ ซีซีต่ำไม่จำเป็นต้องใช้ขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ แต่ในเครื่องที่มีขนาดใหญ่หรือได้รับการโมดิฟลายแล้ว ต้องเลือกแบบที่มีขนาดใหญ่ เพราะอาจทำให้เครื่องดูดอากาศเข้าไม่ทันได้</p><p>3. การติดตั้ง ในรถทีมีเนื้อที่ติดตั้งแบบจำกัด อาจต้องใช้แบบที่สามารถเปลี่ยนใส่แทนของเดิมได้เลยจะได้ประสิทธิภาพดีกว่า ส่วนที่มีเนื้อที่ขนาดใหญ่จะสามารถใช้กรองขนาดที่ใหญ่ได้และพอที่จะทำห้องกั้นอากาศ </p><p> </p><p><u>การติดตั้งกรองเปลือย </u></p><p>เป็นเรื่องที่สำคัญมากในการที่จะเปลี่ยนมาใช้กรองอากาศแบบเปลือย เพราะต้องคำนึงถึงเนื้อที่จะติดตั้งว่ามีขนาดมากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่ในรถแบบ NA ไม่มีเทอร์โบควรใช้แบบที่สามารถเปลี่ยนแทนของเดิมได้เลย เพราะสะดวกกว่า ลดปัญหาการทำ airbox หรือห้องกั้นอากาศ ในเครื่องยนต์เทอร์โบที่ได้รับการโมดิฟลายนิยม ใส่กรองเปลือยลูกใหญ่ เพราะเครื่องต้องการอากาศที่มากขึ้น อาจต้องมีการย้ายแบตเตอร์รี่เพิ่มพื้นที่ ทำห้องกั้น และต่อท่ออากาศที่รับลมดูดจากภายนอกมายังห้องกั้นจะได้ผลดีที่สุด </p><p>ปัญหาต่างๆหลังการติดตั้ง และเปลี่ยนไปใช้กรองเปลือย</p><p><br /></p><p>1. เครื่องแรงตกในรอบต้น ส่วนมากมักเกิดจาก การไหลของอากาศที่ดีและเร็วเกินไป มีผลทำให้ ส่วนผสมของน้ำมันบาง อากาศเข้ามากน้ำมันเข้าน้อย (ส่วนมากรถโรงงานจะปรับน้ำมันมาให้เหมาะกับกรองอากาศเดิม) อากาศที่ไหลเข้าได้เร็วกว่าในรอบต่ำส่งผลให้เครื่องยนต์สูญเสียกำลัง (เครื่องยนต์จะมีแรงบิดดีในรอบต่ำต้องอาศัยการรีดไอดีให้ผ่านได้ช้ากว่า ขนาดของท่อไอดี และความยาวของที่ไอดี)</p><p><br /></p><p>2. แรงตกในรอบปลายกินน้ำมัน ส่วนมากเกิดจากการติดตั้ง เช่นติดตั้งในจุดที่รับอากาศร้อน ไม่มีกล่องดักอากาศ airboxไม่มีช่องต่ออากาศเย็นมาให้กับกล่องดักอากาศ (อากาศที่เย็นกว่าย่อมมีความหนาแน่นมากว่า การเผาไหม้ดีกว่า) การใช้กรองอากาศลูกเล็กเกินไป เครื่องจะดูดอากาศเข้าไม่ทัน ส่วนผสมน้ำมันจะหนาทันที เมื่อได้รับการเปลี่ยนกรองต้องได้รับการจูนส่วนผสมน้ำมันให้เหมาะสมขึ้นด้วย</p><p><br /></p><p>3. เครื่องยนต์กำลังตกลงเรื่อยๆ มักเกิดจากใส้กรองเริ่มอุดตัน ต้องถอดมาทำความสะอาด หรือเปลี่ยนใหม่ ใส้กรองที่ขาด หมดอายุจะทำให้ฝุ่นละอองที่เล็ดรอดเข้าไป จับตัวกับคราบน้ำมันหนาตัวขึ้น ขัดขวางการไหลของอากาศเช่น จับตัวหน้าปากเทอร์โบ ใบเทอร์โบ ท่ออินเตอร์ ติดสะสมในอินเตอร์คูลเลอร์ ท่อไอดี พอร์ตไอดี พอร์ตไอเสีย โข่งเทอร์โบ แคต หม้อพักไอเสีย ถ้าเป็นอย่างนี้มีหวังต้องถอดทั้งชุดมาล้างกันยกยวง แต่ทางที่ดีแนะนำให้เช็คไส้กรอง และทำความสะอาดบ่อยๆจะดีกว่า</p><p><br /></p><p>4. กรองฉีกขาด เกิดจากการผลิตของกรองอากาศ การถอดมาทำความสะอาดที่รุนแรงไม่ถูกวิธี การติดตั้งไปเสียดสีกับอุปกรณ์อื่นๆ และกรองอุดตันมากจนแรงดูดอากาศทำให้กรองฉีกขาดได้ ต้องรีบเปลี่ยนใหม่ทันที </p><p> </p><p><u>การดูและรักษา </u></p><p><b>กรองแบบกระดาษหรือใยสังเคราะห์แบบโรงงาน</b> ต้องได้รับการเป่าทำความสะอาดทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือถ้าใช้งานหนัก เส้นทางการใช้งานทุรกันดารฝุ่นละอองมาก ต้องตรวจเช็คและเปลี่ยนเร็วกว่ากำหนด ประมาณ 10,000 20,000 กิโลเมตร</p><p><br /></p><p><b>กรองแบบฟองน้ำ</b> เมื่อตันหรือสีเริ่มเปลี่ยน สามารถล้างด้วยน้ำยาล้างจาน ผึ่งให้แห้ง หรือหาน้ำมันเคลือบดักจับฝุ่นพ่นเคลือบอีกชั้นหนึ่ง แบบนี้ถ้าเริ่มสังเกตว่าฟองน้ำเริ่มขาด บีบดูแล้วไม่ค่อยคืนตัว หดตัวเสียรูปให้รีบเปลี่ยนทันที ถ้าเป็นของ HKS จะแนะนำให้เปลี่ยนทุกครั้งที่เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง</p><p>กรองแบบผ้า Cotton เมื่อเห็นว่ามีฝุ่นผงติดอยู่มาก ต้องทำการล้างด้วยน้ำให้ชุ่ม ฉีดสเปรย์ล้างให้ทั่ว ล้างน้ำจนสะอาด ผึ่งแดดให้แห้ง แล้วจึงใช้น้ำยาเคลือบจับฝุ่นพ่นให้รอบไส้กรอง แบบนี้สามารถล้างได้หลายครั้ง อายุการใช้งานยาวนานนับแสนโลกันเลย</p><p><br /></p><p><b>กรองแบบสแตนเลส</b> แบบนี้จะตันไวกว่าแบบอื่นมาก แต่การทำความสะอาดง่าย ไม่ต้องถนุถนอมมาก ล้างด้วยน้ำยาล้างจาน ตากให้แห้ง แล้วใช้สเปย์ดักจับฝุ่นพ่นเคลือบทั้งตัว แบบนี้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมาก </p><p><br /></p><p><u>ตัวอย่างในยี่ห้อในการเลือกซื้อ </u></p><p>การทดสอบนี้ผมได้หยิบยืมมาจากประเทศญี่ปุ่น ในการทดสอบค่าการกรองอากาศ และการทดสอบด้วยการวัดแรงม้า <span style="color: yellow">รถที่ใช้ทดสอบเป็น Toyota Supra JZA80 เครื่องยนต์ 2JZGTE วัดแรงม้าขณะใช้กรองอากาศเดิมได้ 304 แรงม้า</span></p><p><br /></p><p><span style="color: Red"><b> SARD</b></span> เป็นอีกยี่ห้อหนึ่งที่นิยมกัน วัสดุใช้ผ้าก๊อส cotton ปั้มขึ้นรูปเป็นลอน ด้านนอกเป็นโครงเหล็กมีความแข็งแรงมาก ความสามารถในการกรองถือว่าสูงกว่าของเดิมโรงงาน อากาศไหลได้เร็วขึ้น แบบนี้การทำความสะอาดข้างยากว่า เพราะติดตะแกรงด้านนอก </p><p><span style="color: yellow">จากการทดสอบจะเห็นว่า ให้แรงม้าเพิ่มขึ้น 11 แรงม้า ปริมาณฝุ่นละอองที่เล็ดลอดถือว่าทำได้ดีปานกลาง</span></p><p><br /></p><p><br /></p><p><span style="color: red"><b>K&N </b></span>ต้องถือว่ายี่ห้อนี้เป็นที่คุ้นหูและมีชื่อที่สุดในเรื่องกรองเปลือยจริงๆ วัสดุใช้ผ้าก๊อส cotton ปั้มขึ้นรูปแบบเดียวกับของ Sard แต่เรื่องวัสดุถือว่าเชื่อถือได้ในเรื่องการโฟว์อากาศได้ดี ดักจับฝุ่นได้มาก และปริมาณฝุ่นที่รับได้สูง </p><p><span style="color: yellow">จากการทดสอบจะเห็นว่า ให้แรงม้าเพิ่มขึ้น 13 แรงม้า ฝุ่นละอองที่เล็ดรอดอยู่ในระดับที่ดีปานกลาง</span></p><p><br /></p><p><br /></p><p><span style="color: red"><b>HKS</b></span> Super power flow วัสดุทำจากฟองน้ำ 3 ชั้น กลมๆวางอยู่บนโครงแบบปากแตรขนาดใหญ่ มีตะแกรงเหล็กรูปรังผึ้งครอบอยู่ด้านนอก แบบนี้ยอมรับว่าอากาศไหลได้เร็วมาก </p><p><span style="color: Yellow">จากการทดสอบจะเห็นว่า แรงม้าเพิ่มขึ้น 13 แรงม้า ปริมาณฝุ่นที่เล็ดรอดอยู่ในระดับที่มากที่สุด</span></p><p><br /></p><p><br /></p><p><span style="color: red"><b>BLITZ</b></span> สำหรับยี่ห้อนี้มีลักษณะแตกต่างกว่าใครโดยใช้ ตะแกรงสแตนเลสแบบละเอียด ปั้มเป็นลอนขึ้นรูป แบบนี้มีความทนทานสูงและอายุการใช้งานที่ยาวนานมาก แต่เรื่องปริมาณการรับฝุ่นน้อย ต้องหมั่นล้างบ่อยๆ</p><p><span style="color: yellow">จากการทดสอบจะเห็นว่า ให้แรงม้าเพิ่มขึ้น 13.9 แรงม้า ความสามารถในการกรองถือว่าไม่ดีเท่าไหร่ แต่ยังดีกว่า ของ HKS</span></p><p><br /></p><p><br /></p><p><span style="color: red"><b>APEX</b></span> เป็นสำนักหนึ่งที่ได้ผลิตกรองเปลือยมานาน ด้วยการออกแบบที่ทันสมัย ให้เสียงในการดูดอากาศที่ไม่เหมือนใคร วัสดุใช้เป็นผ้าก๊อส cotton ขึ้นรูปมีตะแกรงสแตนเลสขนาดเล็กๆขึ้นรูปเป็นลอนหุ้มผ้ากรอง</p><p><span style="color: yellow">จากการทดสอบจะเห็นว่า แรงม้าเพิ่มขึ้น 14 แรงม้า ความสามารถในการกรองฝุ่นถือว่าทำได้ดีที่สุด </span></p><p><br /></p><p>***************************************************************</p><p>เป็นไงกันบ้างครับ เพื่อนๆ น่าจะได้แนวคิดกันบ้างแล้วนะครับว่าจะติดตั้งดีไม๊ หรือจะเลือกยี่ห้ออะไร</p><p>แต่ผมว่า หัวใจหลักจริงๆ อยู่ที่ อู่ที่จะติดตั้งมากกว่า เพราะ อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องมีการ ปรับจูนเครื่อง</p><p>ให้เหมาะสมแน่นอน เพราะ เครื่องยน เดิมๆ อย่างเราๆ มีการตั้งค่าอากาศ น้ำมัน ไฟฟ้า ที่เหมาะสม</p><p>กับกรองอากาศแบบมาตรฐานโรงงานอยู่ ถ้าคิดจะเปลี่ยน ควรจะต้องหา อู่ที่สามารถปรับจูนความเหมาะ</p><p>สนในส่วนประกอบเหล่านี้ได้ด้วยนะครับ เพื่อดึงประสิทธิภาพของเจ้ากรองเปลือยนี้ให้ออกมาได้อย่าง</p><p>เต็มที่ครับ <img src="styles/default/xenforo/clear.png" class="mceSmilieSprite mceSmilie8" alt=":D" unselectable="on" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>Credit : บทความโดย : <a href="mailto:webmaster@thaispeedcar.com">webmaster@thaispeedcar.com</a>[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="Phoenix13th, post: 386092, member: 4935"]พอดีไปเห็นมาครับว่ามีความรู้ดี ก็เลยหยิบมาฝาก เผื่อเป็นความรู้กาน [B][U]กรองเปลือย[/U][/B] เป็นอุปกรณ์แต่งเครื่องยนต์ชิ้นแรก ที่นักแต่งรถนิยมหาซื้อมาใส่กัน แบบที่ว่าเปิดห้องเครื่องขึ้นมาต้องเห็นเกือบทุกคัน บางคนเปลี่ยนเพื่อหวังให้รถแรงขึ้น สวยงามขึ้น ไม่ต้องเปลี่ยนกรองอากาศบ่อยๆ ประหยัดน้ำมันขึ้น หรือบางคนเปลี่ยนตามๆเขาไป แต่จริงๆ แล้วเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้เป็นที่ถกเถียงกันมานมนาน ว่าใส่แล้วแรงขึ้น หรือแรงตกกันแน่ ขอตอบได้อย่างเดียวว่าทุกอย่างก็เกิดขึ้นได้ถ้ามี ... ก็อะไรล่ะครับ ก็ตั้งแต่การเลือกซื้อ ความต้องการของเครื่องยนต์ การติดตั้ง การดูแลรักษา ถ้าถูกวิธีแล้วไม่เห็นต้องกลัวเลยครับว่าจะแรงตก พังเร็ว หรือกินน้ำมัน ก่อนที่จะรู้จักกรองเปลือยเรามารู้จักหน้าที่ของกรองอากาศกันก่อนดีกว่า [U]กรองอากาศ Air filters [/U] กรองอากาศหรือ Air filters เป็นส่วนสำคัญในระบบประจุอากาศให้กับเครื่องยนต์ มีหน้าที่กรองเอาอนุภาคต่างๆที่ปะปนมากับอากาศ เช่นพวกฝุ่น หิน ดิน ทราย ฯลฯ ตั้งแต่ขนาดใหญ่จนถึงขนาดเล็ก ให้ติดอยู่ปล่อยเพียงอากาศริสุทธิเข้าเครื่องยนต์เท่านั้น เพื่อป้องกันเศษฝุ่นละอองต่างๆ เข้าไปทำลายชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ เพราะเศษฝุ่นแข็งๆ สามารถเข้าไปทำลายได้ตั้งแต่ ใบพัดหน้าเทอร์โบ ระบบรีดอากาศในซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ ลิ้นปีผีเสื้อ เซนเซอร์ควบคุมอากาศ จับตัวกับน้ำมันเกาะรอบคอไอดี และพอร์ตไอดีทำให้ไอดีไหลช้าลง จับตัวกับหัวฉีด วาล์วและบ่าวาล์ว แหวนสูบ และกระบอกสูบ จับหัวเทียน ฝุ่นละอองที่สามารถเล็ดลอดลงห้องเผาไหม้ไปได้จะปะปนกับน้ำมันเครื่อง ไปทำลายชิ้นส่วนทุกชิ้นที่น้ำมันเครื่องเข้าไปหล่อลื่น ปะปนมากับท่อไอเสียจับตัวทำลายใบพัดหลังเทอร์โบ แคตตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ และหม้อพักไอเสียให้ตันก่อนกำหนด โดยดักจับฝุ่นละอองให้ติดอยู่ตามเส้นใยไส้กรอง ชนิดของกรองอากาศ มี 2 ชนิดคือ 1 [U]แบบเปียก[/U] เป็นแบบโบราณที่เคยนิยมใช้กัน แต่สมัยก่อนนิยมมาก กรองอากาศมักจะทำด้วยตาข่ายแตนเลส เป็นรูพรุน ติดตั้งอยู่ในหม้อกรองอากาศแบบปิดภายในจะมีน้ำมันหล่ออยู่รอบๆไส้กรอง น้ำมันมีหน้าที่ดักจับฝุ่นระอองให้ตกลงไป ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไส้กรอง แต่เปลี่ยนน้ำมันและล้างบ่อยๆ แบบนี้มีประสิทธิภาพมากแต่ได้รับความนิยมน้อยลงคงด้วยเหตุผลการตลาด จะเห็นตามรถยนต์รุ่นเก่าๆใครอยากเห็นคงต้องขอดูกับผู้ที่รักรถมินิคงต้องรู้จักกันดี 2. [U]แบบแห้ง [/U]เป็นแบบที่เราเห็นทั่วไป ไส้กรองนิยมทำจาก กระดาษหลายแผ่นซ้อนกัน ใยสังเคราะห์ชนิดต่างๆ บรรจุอยู่ให้หม้อกรองอากาศแบบปิดที่ได้รับการออกแบบมาหลายแบบ ทำหน้าที่ลดเสียงดังของเครื่องยนต์ มีท่อต่อไปรับอากาศนอกห้องเครื่อง สามารถเปิดมาทำความสะอาด และเปลี่ยนไส้กรองได้ง่าย แบบนี้เป็นที่รถโรงงานใช้กันอยู่ [B]ทฤษฏี [/B] การกรองอากาศ สามารถใช้เครื่องมือในการตรวจคุณภาพ จำพวก Manometer ใช้ทดสอบค่าต่างๆดังต่อไปนี้ 1. ประสิทธิภาพ (Efficiency) ในการกำจัดฝุ่นละอองที่จะผ่านเข้าไปในห้องเผาไหม้ ว่าสามารถกรองอากาศได้ขนาดเท่าไหร่ ตั้งแต่ 0.5 1 ไมคอน ยิ่งสามารถกรองอากาศได้เล็กมากยิ่งดีกว่า 2. ความสามารถในการเก็บฝุ่น (Dust holding capacity) ว่าสามารถดักเก็บฝุ่นละอองได้มากเท่าไหร่ แบบที่เก็บฝุ่นได้มากจะทำให้ไส้กรองตันช้าลง 3. ความเสียดทานของกระแสลม (Air flow resistance) คือค่าความดันตก (Static pressure drop) ที่อากาศไหลผ่านว่าไหลได้เร็วแค่ไหน อากาศไหลเร็วกว่าย่อมทำให้เครื่องทำงานดีขึ้น ไหลช้ากว่าเครื่องจะแรงตกลง [U]กรองเปลือย Hiperformance Air filters [/U] ที่ต้องเรียกว่า Hiperformane Air filters ก็เพราะว่าไม่รู้ว่าจะทับศัพท์ยังไง อย่างเราๆก็ติดเรียกกันว่ากรองเปลือย ก็ใช่สิครับบ้านเราเห็นอะไรวับๆแวมๆเข้าหน่อยก็เรียกโป๊วเรียกเปลือยกันทั้งนั้น ก็กรองอากาศแบบนี้ส่วนมากแล้วมักจะติดตั้งอยู่ภายนอกหม้อกรองอากาศ ชนิดเปิดห้องเครื่องขึ้นมาก็เห็นตัวกันปั๊ป หรือบางรุ่นก็ทำมาติดตั้งแทนกรองอากาศเดิมได้เลย กรองเปลือยนั้นก็เป็นกรองอากาศแบบแห้งชนิดหนึ่ง พวกนี้จะได้รับการออกแบบ และใช้วัสดุที่ดีกว่าเช่น Cotton , ฟองน้ำ , สแตนเลส มาทำเสียเป็นส่วนใหญ่เพื่อจุดประสงค์คือ ยอมให้อากาศไหลผ่านได้มากกว่า รวดเร็วกว่า ดักจับฝุ่นระอองได้มากกว่า ใช้งานได้นานขึ้น ทำให้ต้นทุนสูงกว่ากรองกระดาษหรือพวกใยสังเคราะห์ยู่มาก [U]การเลือกซื้อกรองเปลือย[/U] กรองเปลือยส่วนมากจะมีการออกแบบและใช้วัสดุการผลิต ขนาด และการติดตั้งที่ไม่เหมือนกัน ดั้งนั้นเราต้องทราบความต้องการในการใช้งานของเราก่อนเลือกซื้อคือ 1. วัสดุ กรองเปลือยใช้วัสดุหลายชนิด แบบที่ใช้ฟองน้ำ , ผ้า cotton หรือ สแตนเลส แต่ละยี่ห้อจะมีคุณภาพแตกต่างกันแม้จะใช้วัสดุแบบเดียวกัน ต้องเลือกที่ ความสามารถในการกรองฝุ่นละออง ความสามารถในการเก็บฝุ่น และความเสียดทานอากาศ 2. ขนาด ในเครื่องที่มีขนาดเล็กหรือ ซีซีต่ำไม่จำเป็นต้องใช้ขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ แต่ในเครื่องที่มีขนาดใหญ่หรือได้รับการโมดิฟลายแล้ว ต้องเลือกแบบที่มีขนาดใหญ่ เพราะอาจทำให้เครื่องดูดอากาศเข้าไม่ทันได้ 3. การติดตั้ง ในรถทีมีเนื้อที่ติดตั้งแบบจำกัด อาจต้องใช้แบบที่สามารถเปลี่ยนใส่แทนของเดิมได้เลยจะได้ประสิทธิภาพดีกว่า ส่วนที่มีเนื้อที่ขนาดใหญ่จะสามารถใช้กรองขนาดที่ใหญ่ได้และพอที่จะทำห้องกั้นอากาศ [U]การติดตั้งกรองเปลือย [/U] เป็นเรื่องที่สำคัญมากในการที่จะเปลี่ยนมาใช้กรองอากาศแบบเปลือย เพราะต้องคำนึงถึงเนื้อที่จะติดตั้งว่ามีขนาดมากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่ในรถแบบ NA ไม่มีเทอร์โบควรใช้แบบที่สามารถเปลี่ยนแทนของเดิมได้เลย เพราะสะดวกกว่า ลดปัญหาการทำ airbox หรือห้องกั้นอากาศ ในเครื่องยนต์เทอร์โบที่ได้รับการโมดิฟลายนิยม ใส่กรองเปลือยลูกใหญ่ เพราะเครื่องต้องการอากาศที่มากขึ้น อาจต้องมีการย้ายแบตเตอร์รี่เพิ่มพื้นที่ ทำห้องกั้น และต่อท่ออากาศที่รับลมดูดจากภายนอกมายังห้องกั้นจะได้ผลดีที่สุด ปัญหาต่างๆหลังการติดตั้ง และเปลี่ยนไปใช้กรองเปลือย 1. เครื่องแรงตกในรอบต้น ส่วนมากมักเกิดจาก การไหลของอากาศที่ดีและเร็วเกินไป มีผลทำให้ ส่วนผสมของน้ำมันบาง อากาศเข้ามากน้ำมันเข้าน้อย (ส่วนมากรถโรงงานจะปรับน้ำมันมาให้เหมาะกับกรองอากาศเดิม) อากาศที่ไหลเข้าได้เร็วกว่าในรอบต่ำส่งผลให้เครื่องยนต์สูญเสียกำลัง (เครื่องยนต์จะมีแรงบิดดีในรอบต่ำต้องอาศัยการรีดไอดีให้ผ่านได้ช้ากว่า ขนาดของท่อไอดี และความยาวของที่ไอดี) 2. แรงตกในรอบปลายกินน้ำมัน ส่วนมากเกิดจากการติดตั้ง เช่นติดตั้งในจุดที่รับอากาศร้อน ไม่มีกล่องดักอากาศ airboxไม่มีช่องต่ออากาศเย็นมาให้กับกล่องดักอากาศ (อากาศที่เย็นกว่าย่อมมีความหนาแน่นมากว่า การเผาไหม้ดีกว่า) การใช้กรองอากาศลูกเล็กเกินไป เครื่องจะดูดอากาศเข้าไม่ทัน ส่วนผสมน้ำมันจะหนาทันที เมื่อได้รับการเปลี่ยนกรองต้องได้รับการจูนส่วนผสมน้ำมันให้เหมาะสมขึ้นด้วย 3. เครื่องยนต์กำลังตกลงเรื่อยๆ มักเกิดจากใส้กรองเริ่มอุดตัน ต้องถอดมาทำความสะอาด หรือเปลี่ยนใหม่ ใส้กรองที่ขาด หมดอายุจะทำให้ฝุ่นละอองที่เล็ดรอดเข้าไป จับตัวกับคราบน้ำมันหนาตัวขึ้น ขัดขวางการไหลของอากาศเช่น จับตัวหน้าปากเทอร์โบ ใบเทอร์โบ ท่ออินเตอร์ ติดสะสมในอินเตอร์คูลเลอร์ ท่อไอดี พอร์ตไอดี พอร์ตไอเสีย โข่งเทอร์โบ แคต หม้อพักไอเสีย ถ้าเป็นอย่างนี้มีหวังต้องถอดทั้งชุดมาล้างกันยกยวง แต่ทางที่ดีแนะนำให้เช็คไส้กรอง และทำความสะอาดบ่อยๆจะดีกว่า 4. กรองฉีกขาด เกิดจากการผลิตของกรองอากาศ การถอดมาทำความสะอาดที่รุนแรงไม่ถูกวิธี การติดตั้งไปเสียดสีกับอุปกรณ์อื่นๆ และกรองอุดตันมากจนแรงดูดอากาศทำให้กรองฉีกขาดได้ ต้องรีบเปลี่ยนใหม่ทันที [U]การดูและรักษา [/U] [B]กรองแบบกระดาษหรือใยสังเคราะห์แบบโรงงาน[/B] ต้องได้รับการเป่าทำความสะอาดทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือถ้าใช้งานหนัก เส้นทางการใช้งานทุรกันดารฝุ่นละอองมาก ต้องตรวจเช็คและเปลี่ยนเร็วกว่ากำหนด ประมาณ 10,000 20,000 กิโลเมตร [B]กรองแบบฟองน้ำ[/B] เมื่อตันหรือสีเริ่มเปลี่ยน สามารถล้างด้วยน้ำยาล้างจาน ผึ่งให้แห้ง หรือหาน้ำมันเคลือบดักจับฝุ่นพ่นเคลือบอีกชั้นหนึ่ง แบบนี้ถ้าเริ่มสังเกตว่าฟองน้ำเริ่มขาด บีบดูแล้วไม่ค่อยคืนตัว หดตัวเสียรูปให้รีบเปลี่ยนทันที ถ้าเป็นของ HKS จะแนะนำให้เปลี่ยนทุกครั้งที่เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กรองแบบผ้า Cotton เมื่อเห็นว่ามีฝุ่นผงติดอยู่มาก ต้องทำการล้างด้วยน้ำให้ชุ่ม ฉีดสเปรย์ล้างให้ทั่ว ล้างน้ำจนสะอาด ผึ่งแดดให้แห้ง แล้วจึงใช้น้ำยาเคลือบจับฝุ่นพ่นให้รอบไส้กรอง แบบนี้สามารถล้างได้หลายครั้ง อายุการใช้งานยาวนานนับแสนโลกันเลย [B]กรองแบบสแตนเลส[/B] แบบนี้จะตันไวกว่าแบบอื่นมาก แต่การทำความสะอาดง่าย ไม่ต้องถนุถนอมมาก ล้างด้วยน้ำยาล้างจาน ตากให้แห้ง แล้วใช้สเปย์ดักจับฝุ่นพ่นเคลือบทั้งตัว แบบนี้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมาก [U]ตัวอย่างในยี่ห้อในการเลือกซื้อ [/U] การทดสอบนี้ผมได้หยิบยืมมาจากประเทศญี่ปุ่น ในการทดสอบค่าการกรองอากาศ และการทดสอบด้วยการวัดแรงม้า [COLOR="yellow"]รถที่ใช้ทดสอบเป็น Toyota Supra JZA80 เครื่องยนต์ 2JZGTE วัดแรงม้าขณะใช้กรองอากาศเดิมได้ 304 แรงม้า[/COLOR] [COLOR="Red"][B] SARD[/B][/COLOR] เป็นอีกยี่ห้อหนึ่งที่นิยมกัน วัสดุใช้ผ้าก๊อส cotton ปั้มขึ้นรูปเป็นลอน ด้านนอกเป็นโครงเหล็กมีความแข็งแรงมาก ความสามารถในการกรองถือว่าสูงกว่าของเดิมโรงงาน อากาศไหลได้เร็วขึ้น แบบนี้การทำความสะอาดข้างยากว่า เพราะติดตะแกรงด้านนอก [COLOR="yellow"]จากการทดสอบจะเห็นว่า ให้แรงม้าเพิ่มขึ้น 11 แรงม้า ปริมาณฝุ่นละอองที่เล็ดลอดถือว่าทำได้ดีปานกลาง[/COLOR] [COLOR="red"][B]K&N [/B][/COLOR]ต้องถือว่ายี่ห้อนี้เป็นที่คุ้นหูและมีชื่อที่สุดในเรื่องกรองเปลือยจริงๆ วัสดุใช้ผ้าก๊อส cotton ปั้มขึ้นรูปแบบเดียวกับของ Sard แต่เรื่องวัสดุถือว่าเชื่อถือได้ในเรื่องการโฟว์อากาศได้ดี ดักจับฝุ่นได้มาก และปริมาณฝุ่นที่รับได้สูง [COLOR="yellow"]จากการทดสอบจะเห็นว่า ให้แรงม้าเพิ่มขึ้น 13 แรงม้า ฝุ่นละอองที่เล็ดรอดอยู่ในระดับที่ดีปานกลาง[/COLOR] [COLOR="red"][B]HKS[/B][/COLOR] Super power flow วัสดุทำจากฟองน้ำ 3 ชั้น กลมๆวางอยู่บนโครงแบบปากแตรขนาดใหญ่ มีตะแกรงเหล็กรูปรังผึ้งครอบอยู่ด้านนอก แบบนี้ยอมรับว่าอากาศไหลได้เร็วมาก [COLOR="Yellow"]จากการทดสอบจะเห็นว่า แรงม้าเพิ่มขึ้น 13 แรงม้า ปริมาณฝุ่นที่เล็ดรอดอยู่ในระดับที่มากที่สุด[/COLOR] [COLOR="red"][B]BLITZ[/B][/COLOR] สำหรับยี่ห้อนี้มีลักษณะแตกต่างกว่าใครโดยใช้ ตะแกรงสแตนเลสแบบละเอียด ปั้มเป็นลอนขึ้นรูป แบบนี้มีความทนทานสูงและอายุการใช้งานที่ยาวนานมาก แต่เรื่องปริมาณการรับฝุ่นน้อย ต้องหมั่นล้างบ่อยๆ [COLOR="yellow"]จากการทดสอบจะเห็นว่า ให้แรงม้าเพิ่มขึ้น 13.9 แรงม้า ความสามารถในการกรองถือว่าไม่ดีเท่าไหร่ แต่ยังดีกว่า ของ HKS[/COLOR] [COLOR="red"][B]APEX[/B][/COLOR] เป็นสำนักหนึ่งที่ได้ผลิตกรองเปลือยมานาน ด้วยการออกแบบที่ทันสมัย ให้เสียงในการดูดอากาศที่ไม่เหมือนใคร วัสดุใช้เป็นผ้าก๊อส cotton ขึ้นรูปมีตะแกรงสแตนเลสขนาดเล็กๆขึ้นรูปเป็นลอนหุ้มผ้ากรอง [COLOR="yellow"]จากการทดสอบจะเห็นว่า แรงม้าเพิ่มขึ้น 14 แรงม้า ความสามารถในการกรองฝุ่นถือว่าทำได้ดีที่สุด [/COLOR] *************************************************************** เป็นไงกันบ้างครับ เพื่อนๆ น่าจะได้แนวคิดกันบ้างแล้วนะครับว่าจะติดตั้งดีไม๊ หรือจะเลือกยี่ห้ออะไร แต่ผมว่า หัวใจหลักจริงๆ อยู่ที่ อู่ที่จะติดตั้งมากกว่า เพราะ อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องมีการ ปรับจูนเครื่อง ให้เหมาะสมแน่นอน เพราะ เครื่องยน เดิมๆ อย่างเราๆ มีการตั้งค่าอากาศ น้ำมัน ไฟฟ้า ที่เหมาะสม กับกรองอากาศแบบมาตรฐานโรงงานอยู่ ถ้าคิดจะเปลี่ยน ควรจะต้องหา อู่ที่สามารถปรับจูนความเหมาะ สนในส่วนประกอบเหล่านี้ได้ด้วยนะครับ เพื่อดึงประสิทธิภาพของเจ้ากรองเปลือยนี้ให้ออกมาได้อย่าง เต็มที่ครับ :D Credit : บทความโดย : [email]webmaster@thaispeedcar.com[/email][/QUOTE]
เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
เข้าสู่ระบบด้วย Google
ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:
คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?
ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
ลืมรหัสผ่านของคุณ?
อยู่ในระบบตลอดเวลา
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Honda Car Clubs
>
Club SI
>
มารู้จัก "กรองเปลือย" กันดีกว่า
>
X
หน้าแรก
หน้าแรก
Quick Links
โพสต์ล่าสุด
กิจกรรมล่าสุด
ผู้เขียน
ฟอรั่ม
ฟอรั่ม
Quick Links
ค้นหาฟอรั่ม
โพสต์ล่าสุด
ประกาศซื้อขาย
ประกาศซื้อขาย
Quick Links
ค้นหาประกาศซื้อขาย
กิจกรรมล่าสุด
ผู้ค้าขายคะแนนสูงสุด
สื่อ/วิดีโอ
สื่อ/วิดีโอ
Quick Links
Search Media
New Media
สมาชิก
สมาชิก
Quick Links
สมาชิกที่โดดเด่น
สมาชิกที่ลงทะเบียน
ผู้ใช้งานในขณะนี้
กิจกรรมล่าสุด
โพสต์ข้อมูลส่วนตัวใหม่
เมนู
ค้นหาเฉพาะชื่อ
โพสต์โดยสมาชิก:
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ใหม่กว่า:
ค้นหาเฉพาะหัวข้อนี้
ค้นหาเฉพาะฟอรั่มนี้
แสดงผลเป็นหัวข้อ
การค้นหาที่มีประโยชน์
โพสต์ล่าสุด
เพิ่มเติม...