เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
RacingWeb Community
>
Racing Forum (Cars Forum)
>
D.I.Y.
>
D.I.Y. แอร์รถยนต์ด้วยตนเองคับ (ใครรถติดไฟแดงนานๆแล้วแอร์ไม่เย็น เข้ามาคับ)
>
ตอบกลับหัวข้อ
ชื่อ:
การตรวจสอบ:
กรุณาเปิดใช้งานจาวาสคริปต์เพื่อดำเนินการต่อ
กำลังโหลด...
ข้อความ:
<p>[QUOTE="คนปากช่อง, post: 108072"]อ่านที่คุณโมจิบรรยายมาแล้ว มันส์ครับ ข้อมูลเพียบ อย่างนี้เดาได้เลยว่าไม่ใช่ช่างแอร์แน่ๆ หามานานแล้วครับคนทีมี</p><p>ข้อมูลแน่นๆแบบนี้ จะได้แลกเปลี่ยนความรู้กัน ใครมีความรู้เรื่องคำถามของคุณโมจิ ก็เอามาแชร์กันนะครับ</p><p><br /></p><p>ทำไม ASHRAE ไม่รับรองเข้าเป็นสารทำความเย็น ระดับโลก </p><p>====ไม่รู้และก็อยากรู้เหมือนกัน ไอ้ ASHRAE มันใครครับ</p><p><br /></p><p>ทำไม ในสหรัฐอเมริกา ถึงมีกฎข้อห้ามในการจัดจำหน่ายให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ </p><p>=== ไม่รู้และก็อยากรู้อีก มี link อ้างอิงไหมครับ จะตามไปอ่าน พูดลอยๆไม่เอาครับ ประเด็นนี้น่าสนใจมาก</p><p>ความเห็นของผมคือ พวกไอ้กันบางทีทันมีเหตุผลลึกๆที่เราไม่รู้ ดูอย่างเรื่องสนธิสัญญาเกียวโตนั่นไง ที่มันก็รู้ว่าดีช่วยโลกได้</p><p>แต่ผลประโยชน์ของมะกันต้องมาก่อน สุดท้ายเลยไม่เซ็นต์ หรืออย่างเรื่องอาวุธปืนที่ให้ขายได้แบบเสรี ทำให้ฆ่ากันตายเยอะแยะ</p><p>สถิติอาชญากรรมโดยใช้อาวุธสูง แต่สหรัฐก็อนุญาติให้ขายปืน เพราะผลประโยชน์จากธุรกิจนี้มันสูงจนครอบงำสภาของสหรัฐได้</p><p><br /></p><p>ทำไม BMW ที่เยอรมันนี เคยทดลองใช้ R152a แล้วถึงต้องยกเลิก เพราะเห็นว่าติดไฟ แม้น้อยกว่า HC </p><p>=== ไม่รู้และก็อยากรู้อีก แต่ข้อมูลใน web ที่ผม search มาใน web และเอามาลงในwebหน้าก่อนๆนี้ระบุว่า หลายประเทศในยุโรป</p><p>รวมทั้งเยอรมัน ก็ใช้ตู้เย็นที่ใช้สารทำความเย็นแบบ HC แล้วนะครับ แต่กับรถยนตร์นี่ไม่รู้</p><p><br /></p><p>ทำไม Denso หันไปพัฒนา R744 หรือ Co2 แทนที่จะเป็น HC 12 </p><p>= ใครรู้ก็ช่วยบอกด้วย อยากรู้เหมือนกัน Denso อาจไม่ชอบเรื่องติดไฟมั้ง</p><p><br /></p><p>ทำไม Toyota Motor, Honda, DaimlerChrysler, Auto Alliance, Nissan, Isuzu Motorไม่นำ HC 12 หรือ Cold 12 เข้าสู่สายการผลิตครับถ้าดีจริง </p><p>= นี่ก็อยากรู้อีก แต่เดาอีกว่าเขาไม่ชอบเรื่องติดไฟ หรืิอไม่ก็รัฐบาลในทุกประเทศยังไม่รับมั้ง</p><p><br /></p><p>ทำไมไม่บอกลูกค้าว่าแผงระบายความร้อน Condensing unit อยู่หน้ารถ (บริเวณที่อันตรายที่สุดในการชนและเกิดประกายไฟได้) และมีโอกาสสูงที่ทำให้เกิดติดไฟครบทั้งสามองค์ประกอบ </p><p>= อันนี้ก็ใช่ แต่ถามหน่อยเหอะว่า มีรายไหนที่ออกมาพูดบ้าง บริษัทขาบบุหรี่จะบอกไหมว่าสูบแล้วเป็นมะเร็งถ้าไม่โดนกฏหมายบังคับ บริษัทเหล้าบอกไหมว่าดื่มแล้วตับแข็ง ปตทออกมาพูดไหมว่าถัง NGV รับความดัน 3,000 PSI มันไม่ใช่จุดขายที่เขาจะเอามาพูด ทุกรายเป็นเหมือนกัน</p><p><br /></p><p>Condensing unit คือแผงระบายความร้อน เพื่อทำให้น้ำยาควบแน่นจากสถานะไอเป็นของเหลวเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ และเป็นจุดที่น้ำยาทำความเย็นทุกชนิดเข้าใกล้จุดที่เรียกว่า Flash point มากที่สุด ทำไมไม่บอกข้อมูลเหล่านี้ </p><p>= ผมเข้าใจถูกไหมครับว่าในระบบแอร์ จะไม่มีอากาศเำพราะโดนดูดออกหมดก่อนปล่อยน่ำยาเข้าระบบ ดังนั้นต่อให้ใกล้ flash point แต่ O2 ที่ต่ำมากๆ ทำให้ไม่สามารถติดไฟได้</p><p><br /></p><p>ทำไมไม่เอาข่าวเก่าๆ มาเผยแพร่บ้างครับว่ารถแท็กซี่ที่ไฟลุกหน้ารถโดยไม่ทราบสาเหตุและมีผู้โดยสาร</p><p>ประสบอุบัติเหตุอยู่ในนั้นด้วย </p><p>= ตรงนี้ถ้าจะว่ากันแฟร์ๆ เราต้องรู้ข้อมูลของ taxi คันนั้นโดยละเอียดว่า ใช้น้ำยาแอร์อะไร ผมว่า taxi คงไม่ใช้น้ำยาแอร์</p><p>อย่าง cold 12,134 หรอกครับ ราคามันสูงไป ถ้า R12 น่าจะเข้าท่ากว่า ราคามันถูก อีกอย่างก็รู้ๆอยู่ว่า taxi เป็นรถที่ใช้งานมาก การซ่อมบำรุงไม่ค่อยเต็มที่</p><p>เหมือนในรถบ้าน ดังนั้นด้วยข้อมูลเพียงว่าไฟลุกไหมโดยไม่ทราบสาเหตุ ก็มีคำตอบในตัวเองอยู่แล้ว คือ ไม่ทราบสาเหตุไงครับ ถ้าทราบเราก็คงเอา</p><p>มาคุยกันแล้วว่าทำไมมันไหม้</p><p><br /></p><p>HFC 134a ย่อมาจาก HYDRO - FLUORO - CARBON</p><p>CFC 12 ย่อมาจาก CHLORO - FLUORO - CARBON</p><p>HC ย่อมาจาก HYDRO - CARBON </p><p>จะสังเกตเห็นว่า HC ไม่มี FLUORO หรือ ฟลูออรีนเพื่อทำให้เป็น Neutral คือดักอะตอมของไฮโดรเจนไม่ให้ทำงานหรือไม่ให้ติดไฟนั่นเอง</p><p>==คนที่รู้ขนาดนี้ไม่ใช่ธรรมดาครับ อาจอยู่ในวงการแอร์หรือน้ำยาแอร์เลยทีเดียวละ ขนาดคุณโมจิยังงงนี่ผมก็ไม่รู้ว่าไงแล้ว ความรู้ใหม่สำหรับผมเลยนะเนี่ยว่า FL มันไปจับ H เลยไม่ติดไฟ ลืมวิชาเคมีไปหมดแล้ว</p><p><br /></p><p>ฟลูออรีน มีราคาแพงมาก HC ไม่ต้องเติมฟลูออรีน ดังนั้นจึงลดต้นทุนมหาศาล ต้นทุนกิโลกรัมละ 17 บาทแต่วางขายกิโลกรัมละ 150 บาทขึ้นไป เขาจะมีกำไรอยู่ราว ๆ 10 เท่า ขายหนึ่งถัง ทิ้ง 9 ถังครับ ถ้าไม่เชื่อลองเช็คราคาก๊าซหุงต้มที่คุณซื้อมาหุงหาอาหารดู คุ้มครับ แต่ความเสี่ยงผู้บริโภครับไปเต็ม ๆ </p><p><br /></p><p>==สำหรับเรื่องราคา ถามว่า COLD มันแพงกว่าน้ำยาธรรมดาไหม ผมมองในแง่ผู้บริโภคนะครับ ผมไป vac อัดน้ำยา R134 ใหม่ก็ 700-900 บาท อัดน้ำยา COLD 134 ก็ราคาประมาณนี้ มันก็จ่ายพอๆกัน แต่ที่ได้แน่ๆคือ มันเย็นเร็วกว่า คอมแอร์กินแรงเครื่องน้อยกว่า อย่างนี้ผมถือว่า COLD ดีกว่า R134 ครับ แต่ผมก็รู้ข้อเสียของมันว่าติดไฟ หลังจากประเมินความเสี่ยงแล้ว ผมยอมรับความเสี่ยงได้ ผมก็ใช้ COLD ก็แค่นั้นเอง </p><p><br /></p><p>==ถ้าถามว่าทำไมไม่บอกจุด flash point ผมว่าคนส่วนใหญ่ รวมทั้งตัวผมด้วยก็คงไม่สนและไม่แคร์ด้วยว่ามันเท่าไร ยิ่งคนที่จะเข้าใจว่า flash point คืออะไรมันกี่% ครับ เอาเป็นว่าเติมไปแล้วแอร์เย็น แอร์ไม่พัง ใช้ดี ราคาไม่แพงไป ถ้ารับได้ก็ซื้อ ง่ายๆแค่นั้นแหละ </p><p><br /></p><p>==ถ้ามองในแง่การตลาด มันก็เทียบราคาตรงๆอย่างนั้นลำบากครับ เพราะ economy of scale มันผิดกัน, purity ของแก๊สหุงต้ม กับน้ำยา COLD มันก็ต่างกัน, packaing มันก็ต่าง แก๊สหุงต้มขายกันทั้งประเทศไทยเดือนละกี่สิบล้านตัน มันเป็นสินค้าประจำวันที่ใช้ทุกบ้าน ดังนั้น margin ไม่ต้องสูง แถมยังมีกลไกราคาของรัฐมาคุมอีก ทำให้ราคาอยู่ในเกณฑ์ที่ทุกคนใช้ได้ทุกบ้าน แกสหุงต้มถือเป็นสินค้าจำเป็นและมีน้ำหนักมากในการคำนวนเงินเฟ้อครับ </p><p><br /></p><p>==ลองคิดดูครับว่า น้ำยา cold เนี่ยทั้งประเทศไทยรวมกันใช้เดือนละ 5 ตันยังไม่รู้จะถึงหรือเปล่า แล้ว 5 ตันคือ 5,000 กิโล แล้วมันจะคิดกำไรโลละ 50 บาทไหวไหม ถ้า COLD ขายปริมาณเท่าแกสหุงต้ม เดือนละเป็นสิบ เป็นร้อยล้านตัน ราคาคงจะเป็นอีกราคาหนึ่ง เคยอ่านว่าถ้าซื้อยกตู้ container 40 ft ลดให้ตั้ง 30% แน่ะ</p><p><br /></p><p>==เรื่อง Purity อีก แกสหุงต้ม purity ไม่สม่ำเสมอนักก็ได้ ยังไงก็จุดไฟติด เจียวไข่ได้ ผมเข้าใจว่ารัฐคงมีเกณฑ์อยู่ว่า propane กี่ % แต่คงไม่ 100% หรอก แต่เจ้า COLD นี่ purity มันดีกว่ามากนะครับ เคยดูข้างถังมัน 99.x % เลยล่ะ ผมไม่รู้หรอกว่ากระบวนการ purity มันมีต้นทุนสูงไหม</p><p><br /></p><p>==เรื่อง packaging อีก แกสหุงต้มโลละ 17 บาทมันคืนถัง COLD134 ถังใหญ่มันขายทั้งถังครับไม่ต้องคืน คงมีค่าถังแฝงอยู่ด้วย</p><p><br /></p><p>==ประการสุดท้ายน้ำยา cold มันเลือกได้ เป็นสินค้าไม่จำเป็นในชีวิต ถ้าเรารู้สึกว่าแพงก็ใช้น้ำยาตัวเดิม ถ้าเรารู้สึกว่าประโยชน์ที่ได้มันคุ้มเงินที่จ่ายก็ซื้อ กลุ่มลูกค้า ของ COLD น่าจะเป็นคนที่อยากลองของใหม่ ใช้แล้วดี ประมาณนั้นมั้ง คนที่ใช้รถหน้าร้อน แล้วแอร์เสียจะรู้ดีว่าแอร์ไม่เย็นน่ะทรมานขนาดไหน</p><p><br /></p><p>ส่วนในน้ำยา HC นั้นไม่มีกลิ่นเพราะไม่ได้เติมกลิ่นเข้าไป ก๊าซหุงต้มก็คือ HC แต่กฎหมายระบุไว้ว่าต้องเติมกลิ่นเพื่อจะได้รู้ตัวเวลามันรั่ว แต่ HC ไม่ได้เติมกลิ่นจึงไม่รู้ว่าเมื่อไรมันรั่วครับ </p><p><br /></p><p>= ตามความเข้าใจของผม ที่เพิ่งซ่อมแอร์รถตัวเองน้ำยาแอร์รั่วมา ถ้ามันรั่ว ส่วนใหญ่จะรั่วช้าๆ ใช้เวลาเป็นหลายวันกว่าจะซึมออกจนไม่เย็น ดังนั้นถ้ามันรั่วก็ปริมาณน้อยมาก ถึงไม่ได้กลิ่นก็คงไม่ได้ทำอันตรายอะไร</p><p><br /></p><p>ส่วนการประชุมนั้น ยังไม่มีการตกลงแน่ชัด ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการหารือกันครับ พยายามดูว่าทั่วโลกเขาใช้สารทำความเย็นอะไร แล้ว Follow ไปตามนั้นดีกว่าครับ </p><p>= ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะใช้ตัวไหนดี แต่ความที่ไม่แน่ชัด และไม่รู้จะแน่ชัดเมื่อไรนั่นแหละครับที่ทำให้หลายคนไม่รอ ผมก็ขี้เกียจรอ มี COLD ผมก็ใช้ COLD ไปก่อนล่ะ</p><p><br /></p><p>อ้อ.. ผมไม่ได้ขายของนะครับ เลยอาจกระทบผู้ค้าบ้าง แต่นี่เป็นเหตุผลเท่าที่ผมทราบมา</p><p>= ผมก็ไม่ได้ขายครับ แต่ซื้อ COLD ของเขามาใช้เหมือนกัน เห็นว่าใช้แล้วมันเย็นดีก็เลยบอกต่อ สุดท้ายก็แล้วแต่เจ้าของแอร์ตัดสินใจเองว่าอยากเสียตังไหม</p><p><br /></p><p>สำหรับผมนะครับ เหตุผลที่ผมใช้ COLD</p><p>- ราคาพอๆกับ R134a </p><p>- เย็นกว่า R134a</p><p>- คอมแอร์กินแรงเครื่องน้อยกว่า R134a ปกติคอมแอร์กินแรงเครื่อง 10% เจ้า COLD ทำำให้คอมกินแรงเครื่องลดลงแถวๆ 15%(กะเอา ค่าทางทฤษฎีครับ ไม่ได้วัดจริง) ดังนั้นหลังใช้ COLD แล้ว คอมแอร์ควรจะกินแรงเครื่องแถวๆ 8.5% เครื่องผม 110 HP, 1.5% ที่ประหยัดไปได้ = 0.015 x 110 = 1.65 HP </p><p>ได้ม้าเพิ่มขึ้นมาอีก 1.6 ตัวเชียวนะครับ เคยได้ยินมาว่าบางคนไปทำ header ใหม่เสียตังตั้งหลายพันยังได้ม้ามาอีกไม่ถึง 5 ตัว</p><p>- ผมคิดว่าความเสี่ยงเรื่องน้ำยาแอร์ที่มันติดไฟ ต่ำมาก ยอมรับได้ รถผมใช้น้ำยา cold แค่ 300-350 กร้ม เอง มันจะแค่ไหนเชียว</p><p><br /></p><p>ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความรู้ครับ[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="คนปากช่อง, post: 108072"]อ่านที่คุณโมจิบรรยายมาแล้ว มันส์ครับ ข้อมูลเพียบ อย่างนี้เดาได้เลยว่าไม่ใช่ช่างแอร์แน่ๆ หามานานแล้วครับคนทีมี ข้อมูลแน่นๆแบบนี้ จะได้แลกเปลี่ยนความรู้กัน ใครมีความรู้เรื่องคำถามของคุณโมจิ ก็เอามาแชร์กันนะครับ ทำไม ASHRAE ไม่รับรองเข้าเป็นสารทำความเย็น ระดับโลก ====ไม่รู้และก็อยากรู้เหมือนกัน ไอ้ ASHRAE มันใครครับ ทำไม ในสหรัฐอเมริกา ถึงมีกฎข้อห้ามในการจัดจำหน่ายให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ === ไม่รู้และก็อยากรู้อีก มี link อ้างอิงไหมครับ จะตามไปอ่าน พูดลอยๆไม่เอาครับ ประเด็นนี้น่าสนใจมาก ความเห็นของผมคือ พวกไอ้กันบางทีทันมีเหตุผลลึกๆที่เราไม่รู้ ดูอย่างเรื่องสนธิสัญญาเกียวโตนั่นไง ที่มันก็รู้ว่าดีช่วยโลกได้ แต่ผลประโยชน์ของมะกันต้องมาก่อน สุดท้ายเลยไม่เซ็นต์ หรืออย่างเรื่องอาวุธปืนที่ให้ขายได้แบบเสรี ทำให้ฆ่ากันตายเยอะแยะ สถิติอาชญากรรมโดยใช้อาวุธสูง แต่สหรัฐก็อนุญาติให้ขายปืน เพราะผลประโยชน์จากธุรกิจนี้มันสูงจนครอบงำสภาของสหรัฐได้ ทำไม BMW ที่เยอรมันนี เคยทดลองใช้ R152a แล้วถึงต้องยกเลิก เพราะเห็นว่าติดไฟ แม้น้อยกว่า HC === ไม่รู้และก็อยากรู้อีก แต่ข้อมูลใน web ที่ผม search มาใน web และเอามาลงในwebหน้าก่อนๆนี้ระบุว่า หลายประเทศในยุโรป รวมทั้งเยอรมัน ก็ใช้ตู้เย็นที่ใช้สารทำความเย็นแบบ HC แล้วนะครับ แต่กับรถยนตร์นี่ไม่รู้ ทำไม Denso หันไปพัฒนา R744 หรือ Co2 แทนที่จะเป็น HC 12 = ใครรู้ก็ช่วยบอกด้วย อยากรู้เหมือนกัน Denso อาจไม่ชอบเรื่องติดไฟมั้ง ทำไม Toyota Motor, Honda, DaimlerChrysler, Auto Alliance, Nissan, Isuzu Motorไม่นำ HC 12 หรือ Cold 12 เข้าสู่สายการผลิตครับถ้าดีจริง = นี่ก็อยากรู้อีก แต่เดาอีกว่าเขาไม่ชอบเรื่องติดไฟ หรืิอไม่ก็รัฐบาลในทุกประเทศยังไม่รับมั้ง ทำไมไม่บอกลูกค้าว่าแผงระบายความร้อน Condensing unit อยู่หน้ารถ (บริเวณที่อันตรายที่สุดในการชนและเกิดประกายไฟได้) และมีโอกาสสูงที่ทำให้เกิดติดไฟครบทั้งสามองค์ประกอบ = อันนี้ก็ใช่ แต่ถามหน่อยเหอะว่า มีรายไหนที่ออกมาพูดบ้าง บริษัทขาบบุหรี่จะบอกไหมว่าสูบแล้วเป็นมะเร็งถ้าไม่โดนกฏหมายบังคับ บริษัทเหล้าบอกไหมว่าดื่มแล้วตับแข็ง ปตทออกมาพูดไหมว่าถัง NGV รับความดัน 3,000 PSI มันไม่ใช่จุดขายที่เขาจะเอามาพูด ทุกรายเป็นเหมือนกัน Condensing unit คือแผงระบายความร้อน เพื่อทำให้น้ำยาควบแน่นจากสถานะไอเป็นของเหลวเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ และเป็นจุดที่น้ำยาทำความเย็นทุกชนิดเข้าใกล้จุดที่เรียกว่า Flash point มากที่สุด ทำไมไม่บอกข้อมูลเหล่านี้ = ผมเข้าใจถูกไหมครับว่าในระบบแอร์ จะไม่มีอากาศเำพราะโดนดูดออกหมดก่อนปล่อยน่ำยาเข้าระบบ ดังนั้นต่อให้ใกล้ flash point แต่ O2 ที่ต่ำมากๆ ทำให้ไม่สามารถติดไฟได้ ทำไมไม่เอาข่าวเก่าๆ มาเผยแพร่บ้างครับว่ารถแท็กซี่ที่ไฟลุกหน้ารถโดยไม่ทราบสาเหตุและมีผู้โดยสาร ประสบอุบัติเหตุอยู่ในนั้นด้วย = ตรงนี้ถ้าจะว่ากันแฟร์ๆ เราต้องรู้ข้อมูลของ taxi คันนั้นโดยละเอียดว่า ใช้น้ำยาแอร์อะไร ผมว่า taxi คงไม่ใช้น้ำยาแอร์ อย่าง cold 12,134 หรอกครับ ราคามันสูงไป ถ้า R12 น่าจะเข้าท่ากว่า ราคามันถูก อีกอย่างก็รู้ๆอยู่ว่า taxi เป็นรถที่ใช้งานมาก การซ่อมบำรุงไม่ค่อยเต็มที่ เหมือนในรถบ้าน ดังนั้นด้วยข้อมูลเพียงว่าไฟลุกไหมโดยไม่ทราบสาเหตุ ก็มีคำตอบในตัวเองอยู่แล้ว คือ ไม่ทราบสาเหตุไงครับ ถ้าทราบเราก็คงเอา มาคุยกันแล้วว่าทำไมมันไหม้ HFC 134a ย่อมาจาก HYDRO - FLUORO - CARBON CFC 12 ย่อมาจาก CHLORO - FLUORO - CARBON HC ย่อมาจาก HYDRO - CARBON จะสังเกตเห็นว่า HC ไม่มี FLUORO หรือ ฟลูออรีนเพื่อทำให้เป็น Neutral คือดักอะตอมของไฮโดรเจนไม่ให้ทำงานหรือไม่ให้ติดไฟนั่นเอง ==คนที่รู้ขนาดนี้ไม่ใช่ธรรมดาครับ อาจอยู่ในวงการแอร์หรือน้ำยาแอร์เลยทีเดียวละ ขนาดคุณโมจิยังงงนี่ผมก็ไม่รู้ว่าไงแล้ว ความรู้ใหม่สำหรับผมเลยนะเนี่ยว่า FL มันไปจับ H เลยไม่ติดไฟ ลืมวิชาเคมีไปหมดแล้ว ฟลูออรีน มีราคาแพงมาก HC ไม่ต้องเติมฟลูออรีน ดังนั้นจึงลดต้นทุนมหาศาล ต้นทุนกิโลกรัมละ 17 บาทแต่วางขายกิโลกรัมละ 150 บาทขึ้นไป เขาจะมีกำไรอยู่ราว ๆ 10 เท่า ขายหนึ่งถัง ทิ้ง 9 ถังครับ ถ้าไม่เชื่อลองเช็คราคาก๊าซหุงต้มที่คุณซื้อมาหุงหาอาหารดู คุ้มครับ แต่ความเสี่ยงผู้บริโภครับไปเต็ม ๆ ==สำหรับเรื่องราคา ถามว่า COLD มันแพงกว่าน้ำยาธรรมดาไหม ผมมองในแง่ผู้บริโภคนะครับ ผมไป vac อัดน้ำยา R134 ใหม่ก็ 700-900 บาท อัดน้ำยา COLD 134 ก็ราคาประมาณนี้ มันก็จ่ายพอๆกัน แต่ที่ได้แน่ๆคือ มันเย็นเร็วกว่า คอมแอร์กินแรงเครื่องน้อยกว่า อย่างนี้ผมถือว่า COLD ดีกว่า R134 ครับ แต่ผมก็รู้ข้อเสียของมันว่าติดไฟ หลังจากประเมินความเสี่ยงแล้ว ผมยอมรับความเสี่ยงได้ ผมก็ใช้ COLD ก็แค่นั้นเอง ==ถ้าถามว่าทำไมไม่บอกจุด flash point ผมว่าคนส่วนใหญ่ รวมทั้งตัวผมด้วยก็คงไม่สนและไม่แคร์ด้วยว่ามันเท่าไร ยิ่งคนที่จะเข้าใจว่า flash point คืออะไรมันกี่% ครับ เอาเป็นว่าเติมไปแล้วแอร์เย็น แอร์ไม่พัง ใช้ดี ราคาไม่แพงไป ถ้ารับได้ก็ซื้อ ง่ายๆแค่นั้นแหละ ==ถ้ามองในแง่การตลาด มันก็เทียบราคาตรงๆอย่างนั้นลำบากครับ เพราะ economy of scale มันผิดกัน, purity ของแก๊สหุงต้ม กับน้ำยา COLD มันก็ต่างกัน, packaing มันก็ต่าง แก๊สหุงต้มขายกันทั้งประเทศไทยเดือนละกี่สิบล้านตัน มันเป็นสินค้าประจำวันที่ใช้ทุกบ้าน ดังนั้น margin ไม่ต้องสูง แถมยังมีกลไกราคาของรัฐมาคุมอีก ทำให้ราคาอยู่ในเกณฑ์ที่ทุกคนใช้ได้ทุกบ้าน แกสหุงต้มถือเป็นสินค้าจำเป็นและมีน้ำหนักมากในการคำนวนเงินเฟ้อครับ ==ลองคิดดูครับว่า น้ำยา cold เนี่ยทั้งประเทศไทยรวมกันใช้เดือนละ 5 ตันยังไม่รู้จะถึงหรือเปล่า แล้ว 5 ตันคือ 5,000 กิโล แล้วมันจะคิดกำไรโลละ 50 บาทไหวไหม ถ้า COLD ขายปริมาณเท่าแกสหุงต้ม เดือนละเป็นสิบ เป็นร้อยล้านตัน ราคาคงจะเป็นอีกราคาหนึ่ง เคยอ่านว่าถ้าซื้อยกตู้ container 40 ft ลดให้ตั้ง 30% แน่ะ ==เรื่อง Purity อีก แกสหุงต้ม purity ไม่สม่ำเสมอนักก็ได้ ยังไงก็จุดไฟติด เจียวไข่ได้ ผมเข้าใจว่ารัฐคงมีเกณฑ์อยู่ว่า propane กี่ % แต่คงไม่ 100% หรอก แต่เจ้า COLD นี่ purity มันดีกว่ามากนะครับ เคยดูข้างถังมัน 99.x % เลยล่ะ ผมไม่รู้หรอกว่ากระบวนการ purity มันมีต้นทุนสูงไหม ==เรื่อง packaging อีก แกสหุงต้มโลละ 17 บาทมันคืนถัง COLD134 ถังใหญ่มันขายทั้งถังครับไม่ต้องคืน คงมีค่าถังแฝงอยู่ด้วย ==ประการสุดท้ายน้ำยา cold มันเลือกได้ เป็นสินค้าไม่จำเป็นในชีวิต ถ้าเรารู้สึกว่าแพงก็ใช้น้ำยาตัวเดิม ถ้าเรารู้สึกว่าประโยชน์ที่ได้มันคุ้มเงินที่จ่ายก็ซื้อ กลุ่มลูกค้า ของ COLD น่าจะเป็นคนที่อยากลองของใหม่ ใช้แล้วดี ประมาณนั้นมั้ง คนที่ใช้รถหน้าร้อน แล้วแอร์เสียจะรู้ดีว่าแอร์ไม่เย็นน่ะทรมานขนาดไหน ส่วนในน้ำยา HC นั้นไม่มีกลิ่นเพราะไม่ได้เติมกลิ่นเข้าไป ก๊าซหุงต้มก็คือ HC แต่กฎหมายระบุไว้ว่าต้องเติมกลิ่นเพื่อจะได้รู้ตัวเวลามันรั่ว แต่ HC ไม่ได้เติมกลิ่นจึงไม่รู้ว่าเมื่อไรมันรั่วครับ = ตามความเข้าใจของผม ที่เพิ่งซ่อมแอร์รถตัวเองน้ำยาแอร์รั่วมา ถ้ามันรั่ว ส่วนใหญ่จะรั่วช้าๆ ใช้เวลาเป็นหลายวันกว่าจะซึมออกจนไม่เย็น ดังนั้นถ้ามันรั่วก็ปริมาณน้อยมาก ถึงไม่ได้กลิ่นก็คงไม่ได้ทำอันตรายอะไร ส่วนการประชุมนั้น ยังไม่มีการตกลงแน่ชัด ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการหารือกันครับ พยายามดูว่าทั่วโลกเขาใช้สารทำความเย็นอะไร แล้ว Follow ไปตามนั้นดีกว่าครับ = ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะใช้ตัวไหนดี แต่ความที่ไม่แน่ชัด และไม่รู้จะแน่ชัดเมื่อไรนั่นแหละครับที่ทำให้หลายคนไม่รอ ผมก็ขี้เกียจรอ มี COLD ผมก็ใช้ COLD ไปก่อนล่ะ อ้อ.. ผมไม่ได้ขายของนะครับ เลยอาจกระทบผู้ค้าบ้าง แต่นี่เป็นเหตุผลเท่าที่ผมทราบมา = ผมก็ไม่ได้ขายครับ แต่ซื้อ COLD ของเขามาใช้เหมือนกัน เห็นว่าใช้แล้วมันเย็นดีก็เลยบอกต่อ สุดท้ายก็แล้วแต่เจ้าของแอร์ตัดสินใจเองว่าอยากเสียตังไหม สำหรับผมนะครับ เหตุผลที่ผมใช้ COLD - ราคาพอๆกับ R134a - เย็นกว่า R134a - คอมแอร์กินแรงเครื่องน้อยกว่า R134a ปกติคอมแอร์กินแรงเครื่อง 10% เจ้า COLD ทำำให้คอมกินแรงเครื่องลดลงแถวๆ 15%(กะเอา ค่าทางทฤษฎีครับ ไม่ได้วัดจริง) ดังนั้นหลังใช้ COLD แล้ว คอมแอร์ควรจะกินแรงเครื่องแถวๆ 8.5% เครื่องผม 110 HP, 1.5% ที่ประหยัดไปได้ = 0.015 x 110 = 1.65 HP ได้ม้าเพิ่มขึ้นมาอีก 1.6 ตัวเชียวนะครับ เคยได้ยินมาว่าบางคนไปทำ header ใหม่เสียตังตั้งหลายพันยังได้ม้ามาอีกไม่ถึง 5 ตัว - ผมคิดว่าความเสี่ยงเรื่องน้ำยาแอร์ที่มันติดไฟ ต่ำมาก ยอมรับได้ รถผมใช้น้ำยา cold แค่ 300-350 กร้ม เอง มันจะแค่ไหนเชียว ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความรู้ครับ[/QUOTE]
เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
เข้าสู่ระบบด้วย Google
ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:
คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?
ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
ลืมรหัสผ่านของคุณ?
อยู่ในระบบตลอดเวลา
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
RacingWeb Community
>
Racing Forum (Cars Forum)
>
D.I.Y.
>
D.I.Y. แอร์รถยนต์ด้วยตนเองคับ (ใครรถติดไฟแดงนานๆแล้วแอร์ไม่เย็น เข้ามาคับ)
>
X
หน้าแรก
หน้าแรก
Quick Links
โพสต์ล่าสุด
กิจกรรมล่าสุด
ผู้เขียน
ฟอรั่ม
ฟอรั่ม
Quick Links
ค้นหาฟอรั่ม
โพสต์ล่าสุด
ประกาศซื้อขาย
ประกาศซื้อขาย
Quick Links
ค้นหาประกาศซื้อขาย
กิจกรรมล่าสุด
ผู้ค้าขายคะแนนสูงสุด
สื่อ/วิดีโอ
สื่อ/วิดีโอ
Quick Links
Search Media
New Media
สมาชิก
สมาชิก
Quick Links
สมาชิกที่โดดเด่น
สมาชิกที่ลงทะเบียน
ผู้ใช้งานในขณะนี้
กิจกรรมล่าสุด
โพสต์ข้อมูลส่วนตัวใหม่
เมนู
ค้นหาเฉพาะชื่อ
โพสต์โดยสมาชิก:
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ใหม่กว่า:
ค้นหาเฉพาะหัวข้อนี้
ค้นหาเฉพาะฟอรั่มนี้
แสดงผลเป็นหัวข้อ
การค้นหาที่มีประโยชน์
โพสต์ล่าสุด
เพิ่มเติม...